Let's Celebrate National Coming Out Day!: ชวนย้อนดูและสำรวจแง่มุมการ come out ของวัยรุ่น LGBTQ+ ในภาพยนตร์ "Love, Simon"
เมื่อพูดถึงเดือนที่มีความสำคัญต่อกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) หลายคนคงนึกถึงเดือนมิถุนายนที่ได้รับการประกาศให้เป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่ม LGBTQ+ หรือที่เรียกกันว่า Pride Month แต่นอกจากเดือนมิถุนายนแล้ว เดือนตุลาคมก็เป็นอีกหนึ่งเดือนที่มีความสำคัญต่อกลุ่ม LGBTQ+ เพราะในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ เช่น เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ ได้ประกาศให้วันที่ 11 ตุลาคมของทุกปี เป็นวัน National Coming Out Day (วันเปิดเผยตัวตนแห่งชาติ) เพื่อปลุกกระแสสำนึกให้สังคมตระหนักถึงการดำรงอยู่ของ LGBTQ+ และเพื่อให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศได้แสดงออกถึงความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ทางเพศของตน
เนื่องในวัน National Coming Out Day อักษรสาราจึงอยากเชิญชวนทุกคนมาร่วมเฉลิมฉลองวันสำคัญของกลุ่ม LGBTQ+ ผ่านการย้อนดูและสำรวจแง่มุมเกี่ยวกับการ come out ของวัยรุ่น LGBTQ+ ในภาพยนตร์ "Love, Simon" ซึ่งนอกจากจะมีฉากสำคัญที่ตราตรึงใจผู้ชมอย่างฉากการ come out ที่เรียบง่าย อบอุ่น และน่าประทับใจแล้ว เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมุ่งเน้นไปที่ประเด็นเรื่องการเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศ โดยแสดงให้เห็นผ่านตัวละครหลักของเรื่องอย่าง ไซมอน (Simon) วัยรุ่นชั้นมัธยมปลายที่นิยามตนเองว่าเป็นเกย์
(เนื้อหาต่อไปนี้ มีส่วนที่เปิดเผยเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ “Love, Simon”)
“Announcing who you are to the world is pretty terrifying because what if the world doesn’t like you?”
ความกังวลว่าจะไม่ได้รับการยอมรับเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไซมอน ตัวละครหลักของภาพยนตร์ “Love, Simon” ไม่เคยคิดที่จะเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศของตน แม้ว่าครอบครัวและเพื่อน ๆ ของเขาจะไม่ได้แสดงความคิดต่อต้านกลุ่ม LGBTQ+ แต่ที่โรงเรียน นักเรียนที่ come out ว่าเป็น LGBTQ+ ก็จะถูกมองว่า “แปลกแยก” “เป็นตัวตลก” และถูกปฏิบัติแตกต่างจากคนอื่น ดังที่ในฉากหนึ่ง ตัวละครที่ come out ว่าเป็นเกย์ถูกกลุ่มนักเรียนพูดล้อเลียนอัตลักษณ์ทางเพศ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ไซมอนจึงเลือกที่จะเก็บอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอาไว้เป็นความลับ จนกระทั่งเขาได้อ่านข้อความในเว็บบอร์ดโรงเรียนจากผู้ใช้นามแฝงว่า “Blue (บลู)” ที่เล่าความอึดอัดใจจากการต้องปกปิดอัตลักษณ์ทางเพศของตนเช่นเดียวกับที่ไซมอนรู้สึก ไซมอนจึงรีบสมัครแอ็กเคานต์ใหม่โดยใช้นามแฝงเข้าไปพูดคุยกับบลู ความสัมพันธ์ของบลูกับไซมอนนั้นพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อมาร์ติน (Martin) เพื่อนร่วมชมรมของไซมอนได้แอบอ่านแช็ตของทั้งคู่ และนำความลับนี้มาต่อรองกับไซมอน มาร์ตินขอให้ไซมอนช่วยเหลือตนให้ได้คบกับเพื่อนในกลุ่มของไซมอนแลกกับการที่มาร์ตินจะไม่ประกาศให้คนในโรงเรียนรู้ว่าไซมอนเป็นเกย์ ไซมอนที่ไม่มีทางเลือกอื่นจึงยอมทำตามข้อต่อรอง
มาร์ตินรักษาสัญญาที่ให้ไว้ จนกระทั่งเมื่อเขาถูกเพื่อนของไซมอนปฏิเสธที่จะออกเดตด้วย และยังถูกคนในโรงเรียนโพสต์ข่าวที่เขาถูกปฏิเสธลงในเว็บบอร์ด มาร์ตินอับอายมาก เขาจึงสมัครแอ็กเคานต์ใหม่ และใช้นามแฝงโพสต์บอกคนในโรงเรียนว่าไซมอนเป็นเกย์ พร้อมกับแนบรูปที่ถ่ายมาจากแช็ตของไซมอนกับบลูลงไปในโพสต์
“I’m supposed to be the one who decides when and where and who knows. That’s supposed to be my thing. You took that from me.”
ประโยคข้างต้นเป็นสิ่งที่ไซมอนพูดกับมาร์ตินหลังจากมาร์ตินมาขอโทษเขา มาร์ตินอ้างว่าตนทำไปเพราะไม่คิดว่าไซมอนจะถูกคนในโรงเรียนล้อเลียนและตีตัวออกหาก การกระทำของมาร์ตินที่กระทำต่อไซมอนเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก เพราะในตอนแรกเขาใช้ความลับเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศของไซมอนมาขู่ให้ไซมอนทำตามคำขอของตนเอง และเมื่อไซมอนทำตามคำขอของมาร์ตินไม่สำเร็จ เขาก็โพสต์แฉความลับของไซมอนลงไปในเว็บบอร์ดโรงเรียน การที่มาร์ตินเปิดเผยว่าไซมอนเป็นเกย์โดยไม่ถามความสมัครใจของไซมอนเรียกได้ว่าเป็น “การบังคับให้ come out” หรือ “การ come out แบบไม่เต็มใจ” ส่งผลให้ไซมอนรู้สึกอึดอัดใจมากที่คนรอบตัวได้รับรู้อัตลักษณ์ทางเพศของเขา ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่พร้อม
“As soon as you came out, you said, ‘Mom, I’m still me.’ I need you to hear this: You are still you, Simon.”
เมื่อเพื่อน ๆ ของไซมอนรู้ว่าไซมอนเป็นเกย์จากโพสต์ของมาร์ตินในเว็บบอร์ดโรงเรียน พวกเขาก็รีบส่งข้อความและโทรศัพท์หาไซมอนด้วยความเป็นห่วง พร้อมบอกกับไซมอนว่าพวกเขายอมรับและเข้าใจไซมอน ส่วนทางด้านครอบครัวของไซมอน น้องสาวของเขาเป็นคนแรกที่รู้เรื่องนี้ และต่อมาไซมอนก็ come out กับพ่อแม่ แม้ว่าในตอนแรกครอบครัวของไซมอนจะมีท่าทีประหลาดใจ และไม่รู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับเขา แต่หลังจากนั้น พ่อและแม่ก็ได้เข้ามาพูดคุยกับไซมอนว่าพวกเขายอมรับตัวตนและอัตลักษณ์ทางเพศของเขา ฉากหนึ่งที่น่าประทับใจมาก คือ ฉากที่แม่ของไซมอนบอกกับเขาว่าเธอเสียใจที่ไม่ได้รับรู้ปัญหา และไม่ได้ช่วยบรรเทาความอึดอัดใจของไซมอนที่ต้องปกปิดอัตลักษณ์ทางเพศของตน เธอยังย้ำกับเขาอีกว่า ทุกคนในครอบครัวจะยังคงปฏิบัติกับเขาเช่นเดิม ไซมอนไม่ต้องกังวลว่าครอบครัวจะไม่ยอมรับ ดังที่เธอได้กล่าวไว้ว่า “You are the same son who I love to tease, and who your father depends on for just about everything. And you’re the same brother who always compliments your sister on her food, even when it sucks.”
“Love, Simon” ไม่เพียงแต่นำเสนอแง่มุมต่าง ๆ เกี่ยวกับการ come out ของวัยรุ่น LGBTQ+ ผ่านตัวละครหลักอย่างไซมอน แต่ยังแสดงให้ผู้ชมได้เห็นว่า สำหรับ LGBTQ+ บางคนนั้น การ come out ก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้ความกล้าหาญเป็นอย่างมาก และได้สอดแทรกความคิดที่ว่า เราทุกคนสามารถช่วยทำให้กลุ่ม LGBTQ+ รู้สึกสบายใจ และเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับพวกเขาได้ด้วยการยอมรับและทำความเข้าใจความหลากหลายทางเพศ
เนื้อหา : ธัญลักษณ์ ทองสุข
พิสูจน์อักษร : วรินทร สายอาริน และธนพงษ์ เมืองศิลปศาสตร์
ภาพ : นิปุณ อังควิชัย
รายการอ้างอิง :
Spectrum. (2563). 11 ตุลาคม - National Coming Out Day ‘วันเปิดเผยตัวตนแห่งชาติ’. สืบค้น 19 ตุลาคม 2564, จาก https://spectrumth.com/.../national-coming-out-day-%F0.../
The Standard Team. (2564).11 ตุลาคม 2021- National Coming Out Day. สืบค้น 19 ตุลาคม 2564, จาก https://thestandard.co/onthisday11102021/