เป็นรักแรก เป็นแม่ และเป็นเมีย : ส่องดูชีวิตของผู้หญิงญี่ปุ่นผ่าน ‘โนกุจิ ยาเอะ’
จากซีรีส์เรื่อง First Love
หมายเหตุ : มีการเปิดเผยถึงเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์
“Young, free and madly in love. As teenagers, the world was their oyster but as adults, their lives seem dimmer, like a very important piece is missing.”
.
คำโปรยของซีรีส์รักโรแมนติกสัญชาติญี่ปุ่นที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก ชวนให้ผู้คนจากทุกหนทุกแห่งมาสัมผัสความโรแมนติกสไตล์ญี่ปุ่นที่ได้แรงบันดาลใจจากเพลง ‘First Love’ และ ‘Hatsukoi’ ของนักร้องชื่อดังอย่างคุณอูทาดะ ฮิการุ จึงถือได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ไม่มีต้นฉบับมังงะหรือนิยายใด ๆ มาก่อน เพราะโดยปกติซีรีส์หรือภาพยนตร์ญี่ปุ่นมักถูกดัดแปลงจากต้นฉบับมังงะหรือนิยาย ในซีรีส์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องอยู่ในจังหวัดฮอกไกโด จังหวัดที่อบอวลไปด้วยความหนาวเหน็บ แต่อบอุ่นหัวใจผ่านภาพฉายจากซีรีส์เรื่อง First Love และสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ก็คือการได้ คันจิคุ ยูริ ซึ่งเป็นผู้กำกับผู้หญิง มาเป็นผู้กำกับ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าในวงการบันเทิงของญี่ปุ่นยังมีไม่มากนัก
.
โนกุจิ ยาเอะ เป็นเด็กผู้หญิงที่เพียบพร้อมด้วยหน้าตาและปัญญา เธอเรียนหนังสือเก่ง โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เธอมีความฝันอยากเป็นแอร์โฮสเตสในสักวัน ต่างกันกับนามิกิ ฮารุมิจิ ที่เป็นเด็กผู้ชายติดเล่น อาจจะมองว่าเขาเป็นเด็กเกเรไม่เอาไหนเลยก็ได้ แต่เขาก็พยายามตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายของรัฐที่ตนต้องการสำเร็จ (เพื่อหวังว่าจะได้เจอโนกุจิอีกครั้ง หลังจากเคยเจอกันบนรถไฟ) และตัดสินใจอยากเป็นนักบินในกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น เพียงเพราะเห็นป้ายประกาศรับสมัครที่ว่า “ปกป้องคนที่คุณรัก มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังป้องกันตนเอง” นามิกิดูเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตอะไรมาก แต่เมื่อมีโนกุจิเข้ามาในชีวิต ทุกการตัดสินใจของเขาจึงเกิดขึ้นเพราะเธอนั่นเอง
.
หลายคนคงเข้าใจว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเพียงการเล่าเรื่องรักแรกของหญิงชายทั่วไปที่ไม่อาจลืมเลือนความรู้สึก ‘รักอย่างหมดหัวใจ’ ให้กับใครอีกคนหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ทว่า ผู้เขียนเองกลับรู้สึกเศร้าโศก เปล่าเปลี่ยว และซาบซึ้งในอีกแง่มุมของซีรีส์เรื่องนี้ นั่นก็คือการเล่าเรื่องชีวิตของ โนกุจิ ยาเอะ ผู้โอบอุ้มความเป็นหญิงอย่างเข้มแข็ง แต่นุ่มนวล…
.
ในช่วงกลางเรื่อง ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ชีวิตของโนกุจิ ยาเอะ และนามิกิ ฮารุมิจิ เปลี่ยนไป และทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน ขณะที่นามิกิเองก็ไม่อาจลืมเลือนคนรักอย่างโนกุจิได้ แต่ก็ต้องมูฟออนเพื่อสานฝันที่ตัวเองอยากเป็นนักบินของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นให้ได้ด้วยความบากบั่น ทว่าชีวิตของโนกุจิกลับพลิกผันจากการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยดังในโตเกียวมาเป็นคุณแม่วัยใส พร้อมกับต้องสละความฝันในวัยเยาว์ที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส และมาแต่งงานกับนักศึกษาแพทย์อย่าง โคะสะกะ ยูกิฮิโตะ ที่มีฐานะร่ำรวย และดูเหมือนว่าเธอจะใช้ชีวิตในฐานะแม่และเมียได้อย่างราบรื่นตามที่โนกุจิ และแม่ของเธอวาดฝันเอาไว้
.
หลังจากที่เธอกลายเป็น ‘แม่บ้านญี่ปุ่น’ เต็มตัว เธอไม่ต้องทำงานก็สามารถมีชีวิตได้อย่างสุขสบาย มีเงินไว้ใช้ซื้อของแบรนด์เนม และเลี้ยงลูกได้อย่างไม่ลำบากเลยทีเดียว แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป โคะสะกะกลับไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกของเธอ จึงทำให้ความรักของเธอและสามีค่อย ๆ จืดจาง ทั้ง ๆ ที่เธอทำอาหาร ทำงานบ้าน และเลี้ยงลูกได้อย่างดี เธอทำหน้าที่เป็นเมียและแม่อย่างสมบูรณ์แบบตามขนบของประเทศที่ปิตาธิปไตยฝังรากลึก นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ก็แสนกระอักกระอ่วน เพราะโนกุจิเองมักรู้สึกอึดอัดใจและไม่เป็นตัวเองเวลาอยู่กับคุณแม่สามี ด้วยภูมิหลังของโนกุจิที่ไม่ใช่คนชั้นสูงหรือมีฐานะดี ทำให้เธอโดนดูถูกแบบอ้อม ๆ อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดความคับแค้นและความอัดอั้นก็ได้ปะทุออกมาจนกลายเป็นเหตุให้เธอต้องหย่ากับสามี
.
เมื่อเธอต้องกลับมาใช้ชีวิตกับแม่ของเธอพร้อมกับลูกน้อย เธอเรียนไม่จบปริญญาตรี จึงไม่ได้มีวุฒิการศึกษาอะไรที่จะทำให้เธอได้ทำงานที่มีเงินเดือนสูง ๆ โนกุจิพยายามรับงานพิเศษหลายงานพร้อม ๆ กัน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูก เธอทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่หลับไม่นอน ได้กินไม่มากจนซูบผอมลง ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามเหมือนโนกุจิคนเดิม เธอเสียสละทุกอย่างเพื่อที่จะให้ลูกของเธออิ่มท้องที่สุด สุขที่สุด และสบายที่สุด แต่แล้วเคราะห์ซ้ำกรรมซัด โรงงานที่เธอทำงานอยู่ประจำไล่เธอออก เธอจึงขาดรายได้หลักที่จะมาค้ำจุนอีก 2 ชีวิต นั่นคือแม่และลูกของเธอ เมื่อถึงทางตัน เธอจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่เธอไม่อยากจะทำ ด้วยการยกลูกชายสุดที่รักของเธอให้สามีเก่าดูแล เพราะเธอไม่อาจ ‘ดูแล’ ลูกของเธอได้อีก
.
เรื่องราวของโนกุจิข้างต้นสะท้อนถึงความยากลำบากของผู้หญิงญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ จากรายงาน Global Gender Gap Report 2022 ของ World Economic Forum พบว่า ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 116 จาก 146 ทั่วโลก ในเรื่องของช่องว่างระหว่างเพศ โดยมีมาตราวัดคือการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ และโอกาสด้านการศึกษา ด้านสุขภาพและการดำรงชีพ และด้านการเมือง ถ้าหากดูข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงไปที่เรื่อง Economic Participation and Opportunity หรือการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจและโอกาส ก็จะพบว่าญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 121 เลยทีเดียว นอกจากนี้เงินเดือนของผู้หญิงญี่ปุ่นยังน้อยกว่าผู้ชายอยู่มาก และมีโอกาสน้อยมากที่เงินเดือนจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ชายมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเว็บไซต์ของ East Asia Forum คุณ Emma Delton ได้กล่าวไว้ในบทความเรื่อง Japan’s stubborn gender inequality problem ว่า หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นวัย 20 ต้น ๆ จะได้รับเงินเดือนเริ่มต้นที่ประมาณ 214,600 เยน และ 209,200 เยนตามลำดับ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงอายุ 50 ผู้ชายกลับเงินเดือนสูงขึ้นถึง 420,100 เยนต่อเดือน ในขณะที่ผู้หญิงเงินเดือนเพิ่มมาเป็น 271,100 เยนต่อเดือนเท่านั้น
.
ช่วงเวลาที่โนกุจิต้องพรากจากลูกของตนเอง แม่ของเธอได้พูดขึ้นมาว่า “บ้านเรานี่โชคร้ายเรื่องผู้ชายกันหมดเลยสินะ” “ทำไมพระเจ้าถึงได้ประทานความโชคร้ายมาให้กับมนุษย์แบบนี้นะ” แต่ผู้เขียนกลับมองว่า ต้นเหตุอาจไม่ใช่พระเจ้า หรือความโชคร้ายของการเกิดเป็น ‘หญิง’ แต่ต้นเหตุของความทุกข์ทรมานใจของผู้หญิงนั้นเกิดจากการที่ต้องดำรงชีวิตอยู่ในระบอบชายเป็นใหญ่เสียมากกว่า
.
เมื่อย้อนกลับมาเปรียบเทียบชีวิตของโนกุจิกับโคะสะกะ (สามีเก่าของโนกุจิ) ชีวิตของทั้งสองช่างต่างกันลิบลับด้วยบริบททางเพศและเศรษฐกิจ และในความจริงแล้ว เราอาจจะสามารถย้อนกลับมามองดูชีวิตของนามิกิ (พระเอก) ที่หลายครั้ง ไม่ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไม่เข้าร่องเข้ารอยอย่างไรมาแต่เด็ก ๆ ก็ยังสามารถมีชีวิตที่ดีกว่าโนกุจิอยู่มาก ถึงแม้ว่าจะตกงานจากการเป็นนักบินให้กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ด้วยสาเหตุเรื่องสุขภาพ และต้องมาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ก็ยังสามารถมีเงินค้ำจุนตัวเองกับแฟนใหม่ของตนได้อย่างดี
.
จากวิธีการเล่าเรื่องราวชีวิตโนกุจิ ยาเอะ ผ่านสายตาผู้หญิงด้วยกันเอง (female gaze) ของ คันจิคุ ยูริ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกอินในช่วงเวลาที่ซีรีส์นำพาเรามาทำความรู้จักกับการเป็นแม่และการเป็นเมียของโนกุจิ ยาเอะ มากกว่าที่โนกุจิ ยาเอะ เป็นรักแรกของนามิกิ ฮารุมิจิ ด้วยซ้ำ
.
เพราะสำหรับผู้เขียนแล้ว ความหนาวเหน็บเยือกเย็นของฮอกไกโด อาจไม่ทรมานจนแทบขาดใจเมื่อเทียบกับการเป็นแม่และเมียของผู้หญิงญี่ปุ่นเลย
เนื้อหา : คาเสะฮายะ มิตสึโกะ (นามปากกา)
พิสูจน์อักษร : กัญญาวีร์ ศิริมโนรม และ พิมพ์พิชชา เต็งต้นวงศ์
ภาพ : อภิชญา ยอดนิล
อ้างอิง
Emma Delton, Japan’s stubborn gender inequality problem [ออนไลน์], 28 มิถุนายน 2565. แหล่งที่มา https://www.eastasiaforum.org/2022/06/28/japans
-stubborn-gender-inequality-problem/
Kanchat Rangseekansong, First Love: ประวัติศาสตร์ของรักแรก วงการเจป๊อป และประเทศญี่ปุ่น [ออนไลน์], 1 ธันวาคม 2565. แหล่งที่มา https://thematter.co/entertainment/first-love-2022/191847
World Economic Forum, Global Gender Gap Report [ออนไลน์], 13 กรกฎาคม 2565. แหล่งที่มา https://www.weforum.org/rep.../global-gender-gap-report-2022