โลกหลังความตายและความหมายของการจดจำ ผ่านภาพยนตร์ Coco

โลกหลังความตายและความหมายของการจดจำ ผ่านภาพยนตร์ Coco

.

บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ Coco

.

“คนเราจะตายได้สองครั้ง ครั้งแรกคือตายไปจากชีวิตและลมหายใจ ครั้งที่สองคือตายไปจากความทรงจำของคนที่รัก”

.

หลายต่อหลายครั้ง เราล้วนอยากเป็นที่จดจำของใครสักคนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป หลายสิ่งหลายอย่างกลับแปรเปลี่ยน ความทรงจำที่มีอยู่ค่อย ๆ หล่นหายไปทีละเล็กทีละน้อย จนกลายเป็นชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายและสูญสลายไปในที่สุด วันนี้อักษรสาราฯ จึงขอพาผู้อ่านไปสำรวจเรื่องราวของโลกหลังความตายและความหมายของการจดจำผ่าน ‘เทศกาลแห่งความตาย (Día de los Muertos)’ ซึ่งเป็นประเพณีเกี่ยวกับการ ‘ระลึก’ ถึงบุคคลที่จากไปแล้ว ผ่านแอนิเมชันชื่อดัง Coco 

.

Coco เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องราวของ ‘มิเกล’ เด็กชายที่รักและมีความฝันที่จะเป็นนักดนตรี แต่สำหรับครอบครัวของเขาแล้ว ดนตรีเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะมันเคยสร้างบาดแผลให้กับคนในครอบครัว แต่แม้จะถูกห้ามแค่ไหน มิเกลก็ยังพยายามสานฝันที่จะเป็นนักดนตรีด้วยการขึ้นประกวดบนเวทีดนตรี เขาจึงแอบเข้าไปในสุสานของนักร้องชื่อดัง ‘เออร์เนสโต้ เด ลา ครูซ’ เพื่อขอยืมกีต้าร์ตัวโปรดของเขา แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผันเมื่อมิเกลดีดกีตาร์ตัวนั้น เขากลับกลายเป็นดวงวิญญาณและเดินทางไปสู่โลกของคนตายในช่วง ‘เทศกาลแห่งความตาย’ การผจญภัยในดินแดนที่ไร้คนเป็นจึงได้เริ่มต้นขึ้น 

.

ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ การเล่าเรื่องราวผ่านฉากหลังที่เป็นประเทศเม็กซิโกซึ่งเคล้าไปด้วยมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรมเม็กซิกัน เช่น การนำเสนอเทศกาล Día de los Muertos เทศกาลที่เชื่อว่าความตายไม่ใช่จุดจบ แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยสู่ชีวิตใหม่ที่รอคอยอยู่ 

ดังนั้นครอบครัวชาวเม็กซิกันจึงมารวมตัวกันเพื่อต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของญาติผู้ล่วงลับ มีการวางอาหารและรูปบรรพบุรุษไว้บนแท่นบูชา อีกทั้งยังทำความสะอาดและตกแต่งหลุมศพด้วยดอกไม้สีเหลือง

 .

โดยปกติแล้วเทศกาลแห่งความตายจะจัดขึ้นราว ๆ วันที่ 31 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน ของทุกปี ในวันที่ 1 พฤศจิกายน จะเรียกว่า Día de los Angelitos เป็นวันที่ต้อนรับดวงวิญญาณของเด็ก ๆ กลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว และในวันที่ 2 พฤศจิกายน จะเรียกว่า Día de los Muertos ซึ่งเป็นวันที่ต้อนรับดวงวิญญาณของผู้ใหญ่กลับสู่บ้าน อย่างไรก็ตาม ผู้คนต่างเฉลิมฉลองเทศกาลนี้กันตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนกันเลยทีเดียว  

.

นอกจากจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมเม็กซิกันแล้ว Coco ยังแฝงไปด้วยประเด็นที่เรียกน้ำตาคนดูมาได้นักต่อนัก โดยหนึ่งในประเด็นที่เร้าอารมณ์ผู้ชมได้เป็นอย่างดีคือกฎเกณฑ์ในภาพยนตร์ที่ระบุไว้ว่า ช่วงเทศกาล Día de los Muertos วิญญาณของผู้วายชนม์จะสามารถข้ามสะพานจากโลกคนตายมาสู่โลกคนเป็นได้ ก็ต่อเมื่อญาติประดับภาพของพวกเขาไว้บนหิ้ง แต่หากวิญญาณตนใดที่ญาติไม่สนใจหรือ ‘ลืม’ ไปแล้ว ก็จะไม่สามารถข้ามสะพานมายังโลกคนเป็นเพื่อรับส่วนบุญส่วนกุศลได้ จนสุดท้ายต้องดับสลายและหายไปตลอดกาลอีกครั้ง

โดยฉากที่เรียกน้ำตาของคนดูได้เป็นอย่างดีคือ ฉากที่ตัวละครตัวหนึ่งในโลกแห่งความตายค่อย ๆ ดับสิ้น โครงกระดูกจากร่างที่ไร้ความหวังค่อย ๆ จางหายไป เพราะบรรดาญาติที่มีชีวิตอยู่กำลังลืมเขาไปอย่างสมบูรณ์ จากประเด็นนี้เอง ผู้ชมจำนวนไม่น้อยคงได้โอกาสตั้งคำถามกับตัวเองว่า สุดท้ายแล้ว การตายที่แท้จริงคือการหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย หรือการตายไปจากความทรงจำของคนที่รักกันแน่?

.

 อีกหนึ่งประเด็นของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เกี่ยวกับ ‘ความหมายของการจดจำ’ คือ ‘ดนตรี’ ซึ่งเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมระหว่างโลกคนเป็นและโลกคนตาย จะเห็นได้จากฉากที่มาม่าโคโค่และดวงวิญญาณคุณพ่อของเธอร้องเพลง ‘Remember Me’ ด้วยกันในตอนท้ายเรื่อง ถึงแม้ทั้งคู่จะจากกันเพียงกาย แต่ดนตรีกลับเป็นกุญแจสำคัญที่ปลดล็อกให้ทั้งคู่ได้สัมผัสถึงกันอีกครั้ง นอกจากนี้ เพลง Remember Me ยังแฝงนัยอื่น ๆ ที่บีบหัวใจผู้ชมอีกด้วย

หลายท่านอาจจะทราบดีว่าเพลงนี้มีสาระสำคัญคือ การระลึกถึงคนที่ต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่อีกนัยหนึ่งที่แฝงไว้ในบทเพลงนี้คือ ความหมายอันลึกซึ้งที่คุณพ่อของมาม่าโคโค่ตั้งใจเขียนให้ลูกสาว โดยมีท่อนหนึ่งที่ร้องว่า ‘Remember me, though I have to say goodbye’ (จดจำฉันไว้ แม้ว่าเราต้องเอ่ยคำจากลา) ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ในอดีตที่คุณพ่อของมาม่าโคโค่ตัดสินใจออกจากบ้านและไปทำตามความฝันในการเป็นนักดนตรี คุณพ่อของเธอจึงใช้เพลงนี้เป็นเพลงกล่อมลูกสาว เปรียบเสมือนคำมั่นสัญญาของพ่อลูกคู่นี้  ในขณะเดียวกัน Robert Lopez และ Kristen Anderson-Lopez ผู้ประพันธ์เพลงนี้ได้เผยว่า นอกจากเวอร์ชันเพลงกล่อมเด็กนี้แล้ว Remember Me ยังมีเวอร์ชันที่มีจังหวะเร็ว สนุกสนาน และมีกลิ่นอายดนตรีสไตล์เม็กซิกัน โดยปรากฏในฉากที่ เออร์เนสโต้ เด ลา ครูซ ร้องบนเวที ซึ่งผู้ชมก็จะรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเมื่อฟังสองเวอร์ชันนี้

 ถึงแม้ผ่านมาเป็นเวลาเกือบห้าปีแล้วที่ได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ผู้เขียนเชื่อว่าความอบอุ่นและความรักอันลึกซึ้งที่ถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นที่จดจำไปอีกยาวนาน อีกทั้งการนำเสนอเรื่องราวผ่านฉากหลังของประเทศเม็กซิโกยังทำให้วัฒนธรรมเม็กซิกันเป็นที่พูดถึงมากยิ่งขึ้นในสายตาชาวโลก ประโยคที่ดีที่สุดหลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้คงหนีไม่พ้น “เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี” เนื่องจากมีข้อคิดมากมายที่เป็นคติสอนใจ พร้อมจูงมือท่านผู้ชมตัวน้อยไปดูให้เห็นว่าความตายไม่ได้น่ากลัว ผ่านโลกหลังความตายที่เต็มไปด้วยสีสันและบรรยากาศสนุกสนาน อีกทั้งภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นชนวนที่ทำให้ความทรงจำของผู้ใหญ่ที่เคยผ่านประสบการณ์สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปได้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง

.

“เพราะคนเราจะตายจริง ๆ ก็ต่อเมื่อคุณลืมพวกเขา ถ้าคุณยังคิดถึงพวกเขา พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ในความคิดและความทรงจำของคุณ”

.

เนื้อหา : mondaysep 

พิสูจน์อักษร : พิมทอง ธนาวุฒิกุล และ ชามา หาญสุขยงค์

ภาพ : อสมาภรณ์ โลหแสงเรือง

อ้างอิง

Dayofthedead.holiday, Day of the Dead (Dia De Los Muertos) [ออนไลน์], 24 ตุลาคม 2565. แหล่งที่มา https://dayofthedead.holiday/ 

Dino-Ray Ramos, ‘Coco’ Songwriters Talk The Emotional Impact Of The Heartwarming Tune “Remember Me” [ออนไลน์], 24 ตุลาคม 2565. แหล่งที่มา https://deadline.com/.../coco-robert-lopez-kristen...   

.

National Geographic Thailand, Día de los Muertos-เม็กซิโก [ออนไลน์], 24 ตุลาคม 2565. แหล่งที่มา https://m.facebook.com/Nationa.../photos/dia-de-los-muertos- 

.

พนิชา อิ่มสมบูรณ์, Coco เมื่อความทรงจำไม่สั้น และความรักนั้นก็ยืนยาว [ออนไลน์], 24 ตุลาคม 2565. แหล่งที่มา https://thestandard.co/coco/