Christmas to remember คริสต์มาสเมื่อวันวานของวันนี้
คุณว่ามันแปลกดีไหม เมื่อเวลาผ่านเข้าปีใหม่ได้ประมาณสองเดือน ความโหยหาและรอคอยช่วงสิ้นปีโดยเฉพาะเดือนธันวาคมก็เข้ามาทักทายแบบไม่รีรอ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตช่วงอื่น ๆ ของปีไม่น่าจดจำหรือไม่มีความหมาย ฉันคิดว่าเป็นเพียงเพราะเดือนธันวาคมได้เป็นเจ้าของวันวิเศษอย่าง ‘วันคริสต์มาส’ มากกว่าต่างหาก
.
เมื่อหน้าปฏิทินแต่ละเดือนถูกฉีกจนพาเราเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของปี หน้าห้างสรรพสินค้าหรือร้านรวงเล็กใหญ่ต่างมีต้นคริสต์มาสประดับประดาอย่างสวยงาม ขนาดต่างกันไปตามพื้นที่ที่ตนมี บ้างติดตั้งภายในต้นถึงกลางเดือนธันวาคมเพื่อเตรียมพร้อมให้วันคริสต์มาสที่ใกล้มาถึง บ้างก็มีจิตวิญญาณคริสต์มาสเต็มเปี่ยมมากเสียจนติดตั้งต้นไม้แสนสวยที่มีไฟระยิบระยับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และบางคนก็เปิดเพลงในตำนานอย่าง “ออล ไอ วอนต์ ฟอร์ คริสต์มาส อิส ยู (All I want for Christmas is You)” ของ มารายห์ แครี ฟังตั้งแต่เดือนสิงหาคมเลยล่ะ แม้ความเร็วและช้าจะแตกต่างกัน แต่ความกระตือรือร้นในการต้อนรับวันคริสต์มาสของผู้คนในบ้านเมืองนี้นั้นมากมาย เล่นใหญ่ และอบอุ่นเสมอ
.
และหากเราพูดถึงเทศกาลคริสต์มาส ยากที่จะพลาดการเอ่ยถึงงานสังสรรค์เทศกาลนี้ในโรงเรียนช่วงวัยมัธยม โดยเฉพาะในโรงเรียนคริสต์ งานเทศกาลประจำปีของโรงเรียนถ้าหากไม่ใช่วันเกิดของโรงเรียน ก็เป็นเทศกาลคริสต์มาสนี่แหละที่นักเรียนทั้งใน (และบางครั้งนอก) โรงเรียนต่างตั้งตารอ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต คาบเกี่ยวระหว่างการเป็นเด็กมัธยมกับการที่ภายในไม่กี่ปีหรือไม่กี่เดือนจะต้องไปใช้ชีวิตนอกรั้วโรงเรียนและแยกย้ายกับเพื่อน ๆ งานคริสต์มาสประจำปีจึงถือเป็นการปลดภาระบ่นบ่าที่แบกรับมาตลอดปีการศึกษาวางไว้ชั่วคราว ดื่มด่ำกับการเฉลิมฉลองที่หากไม่อยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้ได้อีกที่ไหน การตื่นเช้ามาในวันเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสของโรงเรียนคือการตื่นนอนที่ไม่เหมือนวันไหน ๆ เพราะกิจวัตรที่เคยทำซ้ำ ๆ ในวันนี้แตกต่างออกไป โดยปกติแล้ว หลังจากจบพิธีทางศาสนาที่ทางโรงเรียน (คริสต์) ซึ่งจัดในช่วงเช้า เหล่านักเรียนก็จะแยกย้ายกันไปใช้เวลากับเพื่อนร่วมห้อง ร่วมชั้นปี ที่เติบโตร่วมกันมาในช่วงมัธยม เดินหาของกิน ซื้อของ ร่วมบูทกิจกรรมมากมายที่จัดขึ้นโดยนักเรียนแต่ละห้องหรือผู้ปกครองบางท่าน นอกจากนี้ยังมีการแลกของขวัญระหว่างกันอีกด้วย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความวิเศษของเทศกาลคริสต์มาสคือ ‘การให้’ นอกจากจะเป็นเทศกาลแห่งการให้ ‘เวลา’ ต่อกันแล้ว ยังเป็นเทศกาลแห่งการให้ ‘ของขวัญ’ ซึ่งกันและกันอีกด้วย ประจวบกับช่วงเวลาท้ายปีที่ใกล้การก้าวสู่ศักราชใหม่ งานเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสภายในโรงเรียนจึงเป็นการส่งท้ายปีเก่าด้วยบรรยากาศอันอบอุ่น รายล้อมไปด้วยผู้คนที่คุ้นเคย ที่บ้างได้กลายเป็นซานตาคลอส เอลฟ์ หรือ แม้กระทั่งเอลซ่า ราชินีผู้ซึ่งอยู่ในทุกเทศกาล นอกจากนี้ ไฮไลต์ของงานคริสต์มาสในโรงเรียนอีกอย่างคือการแสดงดนตรีสดทั้งจากนักเรียนในโรงเรียนหรือวงดนตรีรับเชิญ ไม่ว่าจะรูปแบบไหน การได้ดูคอนเสิร์ตพร้อมเพื่อน ๆ มักสนุกเสมอ
.
เมื่อเวลาในรั้วโรงเรียนหมดลง เทศกาลเหล่านี้ที่มักเวียนมาบรรจบในทุก ๆ ปีก็ยากที่จะมีให้สัมผัสอีก สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเทศกาลวันคริสต์มาสของโรงเรียน แม้ ณ ตอนนั้นจะไม่ได้เข้าใจความเชื่อมโยงหรือความหมาย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของช่วงชีวิตการเติบโตไปโดยที่เราเพิ่งจะมารู้ตัว หรืออาจไม่เคยรู้ตัวเลยก็ได้ แต่เทศกาลวันคริสต์มาสยังคงทิ้งร่องรอยประทับหนาเอาไว้บนบทหนึ่งของชีวิตเราเสมอ เมื่อเติบโตขึ้น เราจะเห็นว่าเรามองหาและพบเจอ ‘ความเป็นคริสต์มาส’ อยู่เสมอ เมื่อลมหนาวได้เข้ามาทักทาย มันมักมาพร้อมกับความคิดถึงเทศกาลเฉลิมฉลองคริสต์มาส ในสื่อหลักมักไม่พลาดการย้ำเตือนการมาเยือนของเทศกาลนี้ ตัวอย่างเช่น รีรันคลิปแก๊งเรจินา จอร์จ จาก ‘Mean Girls’ เต้นแสดงงานคริสต์มาสโรงเรียน การพูดถึง ‘เหตุการณ์ จอย ทู เดอะ เวิร์ล’ อันตราตรึงในทุก ๆ ปี หรือ การย้อนดูหนังอย่าง ‘Home Alone’ พร้อมช็อกโกแลตร้อนในมือ นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมหลากหลายในพื้นที่สาธารณะอย่าง christmas market ให้ได้เข้าร่วมเพื่อสนุกสนานร่วมกันในเทศกาลแห่งการให้นี้ เพราะฉะนั้น ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแล้วก็ตาม คริสต์มาสก็ยังคงได้รับความสำคัญในฐานะหนึ่งในวันเฉลิมฉลองประจำปีของสังคมอยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับสถาปนาให้เป็นวันพิเศษประจำปีของใครหลายคนอีกต่างหาก
.
เห็นได้ว่าวันคริสต์มาสมีอิทธิพลต่อสังคมของเราในวงกว้าง ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะอิทธิพลจากโลกตะวันตกและระบบทุนนิยมที่ส่งเสริมวัฒนธรรมของเทศกาลนี้ไปทั่วโลก ตั้งแต่การตกแต่งและซื้อขายในช่วงเทศกาลวันคริสต์มาส ไม่ว่าจะเป็นการดิไซน์สินค้าประจำเทศกาล โพรโมชันลดแลกแจกแถมต่าง ๆ โดยเฉพาะผ่านการชูโรงวัฒนธรรมการให้ที่แสนอบอุ่น เราจึงเห็นผู้คนต่างตื่นเต้นและรอคอยการมาเยือนของเทศกาลประจำศาสนาคริสต์นี้อยู่เสมอ แม้กระทั่งในบ้านเมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘เมืองพุทธ’ ก็เช่นกัน และคริสต์มาสไม่เพียงมาพร้อมกิจกรรมรื่นเริงในหมู่ผู้คน หากยังมาพร้อมความหวังในแรงอธิษฐาน การขอพร การสมหวัง รวมไปถึงเรื่องของความรัก ที่มีผู้คนตั้งตารอการออกเดตในวันคริสต์มาสอันเป็นสัญญะแห่งความสมปรารถนา ความอบอุ่น และการได้ใช้เวลาร่วมกับคนรัก เนื่องจากเทศกาลคริสต์มาสในบ้านเมืองนี้ให้ความสำคัญกับการเฉลิมฉลองมากกว่าพิธีรีตอง เราจึงสามารถมองเห็นการเฝ้ารอคอยให้เวลาอันสุขสันต์นี้มาถึงโดยเร็วตั้งแต่ต้นปี เป็นได้ เพราะในบ้านเมืองที่ผู้คนต่างกัดฟันต่อสู้กับค่าครองชีพในแต่ละวัน สู้กับความคาดหวังและความกดดันรอบ ๆ ด้าน สู้กับความอัตคัดในสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐบาลไม่เหลียวแล สู้กับการแก่งแย่งในสิ่งที่มีจำกัดเพราะรัฐบาลไม่วางแผนรองรับความเป็นอยู่ที่สุขสบายของประชาชน สู้ในการเติบโตและหล่อเลี้ยงความฝันในประเทศที่ไม่โอบอ้อมต่ออนาคต แถมยังจะต้องสู้กับโรคระบาดที่ยังไม่ไปไหน การต่อสู้ที่ยาวนานตลอดทั้งปีเหล่านี้อาจคลายลงได้บ้างบางขณะในช่วงท้ายปี ในเทศกาลที่ให้สัญญาต่อความหวังของผู้คน เทศกาลแห่งการขอพร เทศกาลที่เรียกว่า ‘เทศกาลคริสต์มาส’
เนื้อหา : อนันตญา กาฮ์นี
พิสูจน์อักษร: รสิกา วิเศษสมภาคย์ และ สรัลชนา หันหาบุญ
ภาพ : สุวรรณี เมอแล