New year, Same me : ไม่ว่าจะปีไหน ๆ ฉันก็ยังคงเป็นฉัน
.
ลมหนาวที่ห่างหายไปทั้งปีได้กลับมาพัดพาในประเทศไทยอีกครั้ง พร้อมนำบรรยากาศของการเฉลิมฉลองมาเยี่ยมเยือนด้วย บรรยากาศของช่วงสิ้นปีมักจะเกี่ยวข้องกับความสุขเสมอ
เหมือนเป็นสัญญาณให้ทุกคนรู้ว่า ไม่ว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร
พวกเขากำลังจะได้เริ่มใหม่ ทิ้งความผิดพลาดในปีนี้เอาไว้ และเริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม
.
นอกจากบรรยากาศของการเฉลิมฉลองแล้ว ช่วงสิ้นปียังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความหวังและการเริ่มต้นใหม่ ดังคำพูดที่ว่า “New year, New me”
จึงไม่แปลกที่หลายคนมักเริ่มต้นเป้าหมายใหม่ ๆ ในช่วงปีใหม่ และเริ่มเขียนเป้าหมายเหล่านั้นออกมาเป็นลิสต์สิ่งที่ต้องการทำในปีที่จะถึงหรือที่เรียกว่า New Year’s Resolution โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่เป็นสูตรสำเร็จของการ ‘พัฒนาตัวเอง’ ที่ใครหลายคนในโลกโซเชียลมีเดียแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มลดน้ำหนัก กินผักให้มากขึ้น ตื่นเช้า จิบน้ำระหว่างวัน หรืออ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อย 10 เล่มในหนึ่งปี ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในปีที่จะถึงนี้ และกลายเป็นอีกคนที่ดีกว่าเดิม หรือ the best version ของตัวเองได้ในที่สุด ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
.
“ยังไม่ทันได้ลดน้ำหนักเลย จะหมดปีซะแล้ว”
“ปีนี้ยังเก็บเงินไม่ได้ถึงครึ่งของเป้าเลยอะ”
“ตั้งใจจะเพิ่มเกรดปีนี้ แต่แค่ประคองให้เท่าเดิมก็ยากแล้ว”
“จะสิ้นปีแล้ว ยังตื่นสายทุกวันอยู่เลย”
.
แต่เมื่อเวลา 1 ปีได้ผ่านไป และช่วงเวลาสิ้นปีได้มาเยือนอีกครั้ง หลายคนกลับจมอยู่กับความสงสัยและผิดหวังในตัวเองเมื่อค้นพบว่าลิสต์ New Year’s Resolution ที่เขียนไว้เมื่อปีที่แล้วไม่ได้เป็นจริงทั้งหมด จนทำให้เกิดความรู้สึกท้อ หรือแม้กระทั่งหมดหวังกับปีที่จะมาถึง ฉันเองก็คือหนึ่งในหลายคนนั้นเช่นเดียวกัน
.
New Year’s Resolution ที่ตั้งใจไว้ว่าจะมาเป็น ‘ตัวช่วย’ ที่ทำให้ฉันมีระเบียบวินัยในการวิ่งตามเป้าหมายที่ต้องการ ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือน to-do list ที่ดูเหมือนจะไม่มีทางสำเร็จ อย่างน้อยก็ในปีนี้ และพร้อมที่จะสะท้อนความไม่เอาไหนของฉันออกมาเสมอทุกครั้งที่เหลือบไปเห็นจำนวนของเป้าหมายที่ยังไม่ได้ถูกติ๊กไป
น่าแปลกที่ในบางครั้ง แม้กระทั่งการเป็นตัวฉันที่ ‘ดีกว่าเดิม’ ก็ยังดูเป็นเรื่องยากและเกินเอื้อมที่จะทำให้สำเร็จได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉันอ่อนแอ ไม่เก่ง หรือไม่มีระเบียบวินัยมากพอกันนะ?
.
หากแต่เมื่อฉันลองตั้งใจมองเป้าหมายเหล่านี้อีกครั้ง ฉันก็ได้ค้นพบว่า ต่อให้ไม่ใช่ทุกเป้าหมายจะสำเร็จลุล่วง แต่ก็มีหลาย ๆ พัฒนาการที่ฉันได้จากการตั้งใจทำเป้าหมายเหล่านี้ให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มใส่ผักหลาย ๆ อย่างลงในมื้ออาหารของตัวเอง จากแต่ก่อนที่ไม่เคยกินผักเลย หรือการมีเงินเก็บมากขึ้นจากเดิมแม้จะยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ก็ตาม การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าที่ฉันวาดไว้ในหัวเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาจากความตั้งใจไม่ต่างกัน และสมควรที่จะได้รับการชื่นชมไม่ใช่หรือ?
.
ถึงแม้ระยะเวลา 1 ปีจะดูยาวนาน แต่ก็ยังเป็นระยะเวลาที่จำกัดสำหรับการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง หลายครั้งเรามักตั้งเป้าหมายใหญ่เกินไปจนเผลอกดดันตัวเองจนเกินความจำเป็น และหลงลืมการชื่นชมพัฒนาการก้าวเล็ก ๆ ของตัวเอง จนเป็นที่มาของความผิดหวังในตัวเองที่ไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ในระยะเวลาที่ตั้งใจ หากลองมองทุกอย่างแบบนี้ การกดดันตัวเองให้ทำตามเป้าหมายได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี อาจเรียกได้ว่าเป็นการใจร้ายกับตัวเองไปหน่อย
.
อย่างไรก็ตาม การลิสต์เป้าหมายขึ้นมาเป็น New Year’s Resolution ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีอะไร และไม่แปลกที่คนเรามักจะตั้งเป้าหมายสูง ๆ ให้ตัวเองเสมอ ฉันเชื่อว่าการตั้งเป้าหมายให้ตัวเองในอนาคตมักมาจากความรักและหวังดีต่อตัวเองในรูปแบบหนึ่งที่อยากเห็นตัวเองได้ใช้ชีวิตที่ดีขึ้น หากแต่ความกดดันที่มีมากไปนั้นอาจย้อนมาทำร้ายเราทีหลังได้ หากเราไม่หมั่นให้กำลังใจและใจดีกับตัวเองเสียบ้าง เพราะการทำตามเป้าหมายให้สำเร็จอาจเป็นก้าวใหญ่ในการพัฒนาตัวเองก็จริง แต่การใช้ชีวิตในปีนั้น ๆ ให้มีความสุขก็สำคัญไม่ต่างกัน
.
คงเป็นเรื่องยากหากเรานำบรรทัดฐานที่สังคมวาดไว้มาตัดสินว่าเราเป็น the best version ของตัวเองหรือยัง เพราะสุดท้ายตัวเราก็คือเราในอดีต ที่แต่งแต้มไปด้วยเรื่องราวที่เราเผชิญในปัจจุบัน ผู้พยายามจะเป็นคนที่ดีขึ้น เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น หรือดูดีขึ้นในอนาคต ในเส้นทางของความพยายามนี้อาจมีก้าวพลาดบ้าง หรือนั่งพักคลายเหนื่อยอยู่นานบ้าง แต่อย่าลืมว่าตัวเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีเหนื่อยและท้อเป็นธรรมดา และสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนที่ ‘ไม่เอาไหน’ กว่าคนอื่นเลย
.
อักษรสาราจึงขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังพยายามกับเป้าหมายบางอย่าง ไม่ว่าจะในปีนี้ ปีหน้า หรือปีไหน ๆ ก็ตาม และอยากให้พึงระลึกไว้ว่าทุกก้าวเดินของคุณนั้นมีค่าเสมอ ไม่ใช่เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังเปลี่ยนเป็นคนใหม่ แต่เป็นเพราะมันสะท้อนถึงความพยายามของคุณคนเดิมต่างหาก และถึงแม้จะต้องพบเจอกับเส้นทางที่ขรุขระและยากที่จะผ่านไปบ้าง ก็อย่าลืมมองหาอีกแง่มุมดี ๆ ของชีวิตและชื่นชมตัวเองระหว่างทางเดินไปสู่เส้นชัยด้วยนะ
.
เนื้อหา : กันตาภา วรวิทยานนท์
พิสูจน์อักษร : ชามา หาญสุขยงค์ และ พงศภัค เหลืองทองนารา
ภาพ : ติณณา อัศวเรืองชัย