ฤดูกาลแห่งความสัมพันธ์ : การพบพาน คงอยู่ และแยกจาก

ฤดูกาลแห่งความสัมพันธ์ : การพบพาน คงอยู่ และแยกจาก

.

ธันวาคม 

เดือนที่ฤดูหนาวเวียนมาทักทายอีกครั้ง แสงแดดและสายลมที่ตกกระทบผิวกายบรรจุความอ่อนโยนมากกว่าช่วงไหน ๆ ของปี ประเทศไทยในปีนี้ผ่านความแปรปรวนของสภาพอากาศมามากเสียจนยากจะคาดเดาได้ว่า วันนี้ฟ้าจะเงียบสงบเผยแสงแดดแรงกล้าที่ทำให้การซักผ้าใช้เวลาเพียงครึ่งวันเช้า หรือจะสะอึกสะอื้นหลั่งน้ำตาลงมาดั่งเช่นคนที่จิตใจแหลกสลายไม่เป็นชิ้นดี

ตลอดระยะเวลา 12 เดือนของปีพุทธศักราช 2566 มีฝนตกลมแรงบ่อยเสียจนน่าตกใจ สภาพเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ยังคงไม่พร้อมรองรับความเปียกปอนนี้ ไหนจะผ้าที่ใช้เวลาไปนานถึง 3 วันกว่าจะแห้งนั่นอีก ฤดูมรสุมจึงไม่เป็นที่ปรารถนาให้คงอยู่นาน และผู้คนไม่ปรารถนาจะชินชากับมันเพราะความไม่สะดวกสบายที่ติดตามมาด้วย คงเหมือนกันกับวันและเวลาของจันทร์เช้าถึงศุกร์บ่าย ที่หากผ่านไปเร็วได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพื่อให้ได้พานพบกับวันศุกร์เย็นถึงวันอาทิตย์ที่จะได้พักผ่อนจากความอลหม่านของการเป็นมดงานในระบบทุนนิยม ช่วงสุดสัปดาห์นี้ยังเปรียบได้ดังฤดูหลังผ่านมรสุมในช่วงท้าย ๆ ของปีที่มาพร้อมเทศกาลแห่งการเวียนมาพบกันอีกครั้งเพื่อบอกกล่าวกันว่า ฉันคิดถึงเธอแค่ไหน ฉันใช้ชีวิตอย่างไรบ้างเมื่อเราห่างกันไปตามความรับผิดชอบหน้าที่ที่มี รวมถึงฉันได้พบพานใครบ้างในช่วงเวลาเหล่านี้ และฤดูกาลของความสัมพันธ์ยังคงอยู่ข้ามปี หรือจบไปแล้ว… ตามระยะเวลาของมัน

.

แม้สภาพอากาศจะมีความไม่แน่นอน แต่ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญอย่างกรมอุตุนิยมวิทยาคอยรายงานความเป็นไปให้เราได้เฝ้ารอและพร้อมรับมืออยู่ตลอด หากแต่ฤดูกาลของความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนไม่เป็นเช่นนั้น…

ช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิตนั้นไม่เคยเรียบง่าย มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความสับสนร่วงหล่นและคว้างลอยอยู่ท่ามกลางคำถามมากมาย ไม่แปลกเลยหากเราจะตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ต่าง ๆ ในช่วงผันแปรนี้ ความเป็นฉันและความเป็นเธอมีคุณลักษณะเฉพาะจากการตัดสินใจใช้ชีวิตที่ผ่านมา และเราสามารถพยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันไว้ได้หากเราเห็นความเป็นไปได้ว่าความสัมพันธ์นี้จะยั่งยืน อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ทุกความสัมพันธ์ถูกกำหนดให้ก้าวข้ามความประทับใจในช่วงแรกเริ่มไปได้ เพราะทุกความสัมพันธ์มีระยะเวลาและฤดูกาลของมัน ที่จะเวียนมาให้เราได้สัมผัสและอาจเวียนไปไม่หวนกลับ… อีกเลย

.

1

ฉันพบเขาในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ช่วงปลายหน้าหนาวของกรุงเทพฯ ฤดูกาลของเขากินเวลาไปยาวนานถึงครึ่งค่อนปี เขามาในรูปแบบของต้นฤดูร้อนที่ทุกอย่างดูน่าตื่นเต้นและสดใส ก่อนจะผันตัวเป็นต้นฤดูหนาว ฤดูโปรดที่หากหายไป ปีทั้งปีของฉันคงไร้ซึ่งความสงบเย็นตลอดไป และฉันเองก็อยากให้เขาอยู่จนถึงช่วงฤดูหนาวของไทยในปีนี้ และปีต่อ ๆ ไปด้วยกัน

จนกระทั่ง… มรสุมที่ฉันไม่เคยได้รับการเตือนภัยมาก่อนก็โถมกระหน่ำเสียจนตั้งรับไม่ไหว ฤดูฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในใจ ส่งผลให้ดวงตาของฉันไม่อาจกลั้นเก็บปริมาณน้ำฝนจนเอ่อล้นออกมาไม่ขาดสาย ความฉับพลันในฤดูกาลของเขาทำให้เกิดคำถามมากมาย หากฉันเตรียมการได้ดีกว่านี้ หากเพียงฉันหว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ไว้มากพอ ฉันคงยืดระยะเวลาของฤดูกาลนี้ออกไปได้ใช่ไหม แม้เขาเป็นดังสายฟ้าฟาดที่เหมือนจะพังทลายท้องฟ้าของฉันลงมา ฉันยังพยายามเปลี่ยนเขาให้กลับไปเป็นต้นฤดูหนาวด้วยการเปลี่ยนตัวเองให้รองรับห่าฝนนั้นได้ดีขึ้น แต่ฉันลืมไปว่าจิตใจของฉันเป็นดังกระดาษสาที่มีความสุข สงบ และอิสระได้ก็ต่อเมื่อโต้ลมหนาว ไม่ได้มีเพื่อรองรับความหนักอึ้งของหยาดฝนที่หยดลงมาทำโทษฉันไม่หยุดพักแบบที่เขาทำ ฤดูกาลนี้จึงจบสิ้นลงพร้อมทิ้งร่องรอยขาดวิ่นของกระดาษสาใบนี้ที่ถูกปะขึ้นมาใหม่เพื่อโอบรับเพียงแต่ฤดูกาลที่จะพามันล่องลอยไปได้ไกล ใช่ฤดูที่จะจมมันลงสู่ก้นบึ้งของแอ่งน้ำตา

.

2

เธอเข้ามาในชีวิตฉันในช่วงแห่งการผลิบาน ฉันจำได้ว่าฉันพรวนดินและปลูกดอกไม้ไว้หลายแปลง การงอกเงยเติบโตของดอกไม้เหล่านั้นไม่ค่อยเป็นผลเสียเท่าไหร่ในเริ่มแรก จนกระทั่งเธอผู้เป็นดังฤดูใบไม้ผลิได้เข้ามาเร่งการเติบโตเหล่านั้น เราได้ใช้เวลาร่วมกันไม่กี่ครั้งต่อเดือน บางทีหลายเดือนผ่านกว่าจะวนมาพบเจอกันอีก ฤดูกาลของเราอาจไม่ได้กินระยะเวลาทั้งวันและทั้งปี แต่เป็นฤดูกาลที่ฉันรู้เสมอว่าดอกไม้ของฉันจะผลิบานทุกครั้งที่ได้สัมผัสกับไอความอบอุ่นที่เธอมักมอบให้ ฤดูกาลนี้ยังคงเวียนมาให้ได้สัมผัส และยังคงเป็นฤดูที่ฉันเฝ้ารอให้ได้พานพบ และได้รับการโอบรับจากเธอเสมอ

.

นี่มันเป็นความร้อนรุ่มที่บีบรัดอัดแน่นจิตใจฉันเหลือเกิน เมื่อไหร่ที่ฤดูกาลเหล่านี้เขยิบมาใกล้อาณาเขตของฉัน ความรู้สึกปั่นป่วนและอึดอัดก่อตัวขึ้นมาในท้องของฉันแทบจะทันที ฉันไม่คิดว่าฤดูกาลเหล่านี้จะไม่มีผลดีอะไรเลย เพียงแต่ฉันมองไม่เห็นความสงบภายในใจเมื่อฤดูกาลนี้แผดแสงอาทิตย์แสบร้อนเข้ามารบกวนจิตใจและความคิดของฉัน หลาย ๆ ครั้งฉันจะพกร่มเพื่อป้องกันแสงกระทบเหล่านั้น แต่หากลืมขึ้นมาล่ะก็ ฉันต้องใช้เวลานานพอสมควรในการฟื้นจากไข้แดดแสบร้อนนั่น ฉันเองก็ไม่อยากอยู่ในฤดูกาลที่ทำให้จิตใจของฉันร้อนรุ่มขึ้นมาเท่าไหร่หรอก

.

4

ฉันรักการเดินทาง เพราะการเดินทางทำให้ฉันได้พบเจอกับผู้คนที่ประทับร่องรอยความเป็นมนุษย์ไว้ให้ฉันเสมอ ในวันที่ฉันลากกระเป๋าแสนหนักข้ามอำเภอ ผู้โดยสารรถทัวร์เดียวกันอาสายกมันขึ้นรถให้ฉันทั้งที่ไม่ใช้หน้าที่ของเขา หรือแม้ตอนที่กระเป๋าฉันไหลหล่นจากรถไปกองอยู่บนพื้นถนนตอนติดไฟแดง ทุกคนบนรถพร้อมใจกันส่งแรงมาให้โดยไม่ลังเล ฉันเรียนรู้การมีน้ำใจต่อคนอื่นผ่านการได้รับมันจากพวกเขา คนเหล่านี้เป็นเสมือนภาพดวงอาทิตย์ตกตัดกับทิวเขากว้างใหญ่บรรจุอยู่ในหน้าต่างสี่เหลี่ยมของรถทัวร์ที่เคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เป็นภาพแสนงดงามที่เราเงยหน้าขึ้นมองโดยบังเอิญแล้วอยู่กับความตราตรึงนั้นได้เพียงชั่วขณะก่อนที่ตึกรามบ้านช่องจะบดบังทิวทัศน์นั้นไป เราจะพบตัวเองพยายามหาช่องว่างระหว่างบ้านของใครต่อใครริมทางเพื่อได้เชยชมมันอีกครั้ง จนกระทั่งรถเคลื่อนไปยังพื้นที่โล่งกว้างถึงได้รู้ว่าดวงอาทิตย์ดวงนั้นได้ลาลับจากขอบฟ้าไปแล้ว และมีแสงจันทร์สว่างเข้ามาทดแทน พวกเขาเหล่านั้นก็เหมือนกัน ที่แวะมาพบพานชั่วขณะหนึ่งเพียงเพื่อสร้างความประทับใจ ก่อนที่ฤดูกาลจะเวียนผู้คนใหม่ ๆ มากมายเข้ามาให้เราได้ทิ้งรอยประทับของความเป็นมนุษย์ต่อกันในฤดูกาลแห่งชีวิต

.

อาจจะจริงอยู่ว่าเมื่อเราได้พบเจอคนมามากมายหลากหลายจะทำให้เราจัดการกับความสัมพันธ์รูปแบบต่าง ๆ ได้ดีขึ้น แต่มันยังคงไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับความหลากหลายและเฉพาะเจาะจงของมนุษย์คนหนึ่งที่มีรายละเอียดของฤดูกาลชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ถึงแม้เราจะพยายามตามแบบแผนเหล่านั้นมาแค่ไหน ฤดูกาลระหว่างเราก็จะต้องผ่านการทำงานของมันและมีอายุตามที่มันถูกกำหนดไว้

ฤดูกาลของความสัมพันธ์จึงไม่เคยสอนให้เรารับมือ… แต่สอนให้เรายอมรับความเป็นไปของชีวิตต่างหาก

.

เนื้อหา : อนันตญา กาฮ์นี

พิสูจน์อักษร : นิชนันท์ ภาษยะวรรณ์ และ พศิน อาบสุวรรณ์

ภาพ : นูรีฮะห์ เง๊าะ