เมื่อรักปลดเปลื้องจนเปลือยเปล่า : The Ballad of the Sad Café
หมายเหตุ: มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของหนังสือ
“...ด้วยเหตุผลนี้เอง คนเราส่วนใหญ่จึงอยากเป็นฝ่ายรักมากกว่าถูกรัก แทบทุกคนอยากเป็นผู้รัก และความสัตย์จริงแบบไม่ปรุงแต่งนั้นคือลึกเร้นลงไปแล้วภาวะของการถูกรักนั้นออกจะเป็นสิ่งเกินทนสำหรับหลายคน ผู้ถูกรักหวาดกลัวและจงชังผู้รักและด้วยเหตุผลดียิ่ง ทั้งนี้เพราะผู้รักมักพยายามเปลื้องตัวตนผู้ถูกรักให้เปล่าเปลือยอยู่ไม่รู้จบ ผู้รักโหยหาความเกี่ยวข้องกับผู้ถูกรักเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ประสบการณ์นี้จะทำให้เขามีแต่ความเจ็บปวดเท่านั้น…”
คือ ข้อความที่ คาร์สัน แม็คคัลเลอร์ส ใช้อธิบายเรื่องราวความรักอันชวนเหงา งงงวย แต่ไม่ง่วงงุน ระหว่างมิสอมีเลีย เอวานส์, ไลมอน ชายหลังค่อมผู้อ้างตัวว่าเป็นญาติของเธอ และมาร์วิน เมซี่ อดีตสามีของมิสอมีเลีย ได้อย่างแยบยลและชวนมอง
หากท่านทั้งหลายเคยผ่านหรืออ่านหนังสือเล่มนี้มาบ้าง คงจะพบว่าความสัมพันธ์ของสามคนที่กล่าวถึงนั้น อาจนับได้ว่าซับซ้อนและเข้าใจได้ยากยิ่ง แต่หากลองคลายปมเชือกที่บังเอิญพบนี้ทีละน้อย ท่านอาจจะพบกับรูปแบบอันโหยหาของความรักอย่างที่แมคคัลเลอร์สกล่าว หยิบแก้วเหล้าของท่านมาเถิด คลายความกังวลจากกิจวัตรเดิมซ้ำซาก แล้วไปสำรวจปมเชือกที่ผู้เขียนบังเอิญเก็บได้ใน The Ballad of the Sad Café—บทเพลงโศกแห่งคาเฟ่แสนเศร้า ร่วมกันอย่างรื่นเริงและมีเกียรติ
ในชีวิตที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตื่นนอนไปโรงงานและการกลับบ้านในยามเย็นของผู้คน มีความเหงาและความเบื่อหน่ายเร้นกายอยู่เสมอ ความเหงาที่ว่านี้มักจะนอนเงียบอยู่ภายในส่วนลึกที่สุดของจิตใจเราและท่านทั้งหลาย โดยมนุษย์ผู้เป็นที่อยู่ของมันเหล่านี้ก็อาจไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของมันโดยสิ้นเชิง และ, แน่นอนว่า, มันโหยหาสิ่งเติมเต็มอยู่เสมอเช่นกัน สำหรับชาวเมืองภายในหนังสือเล่มนี้ สิ่งเติมเต็มเดียวของชีวิตอันราบเรียบเกินไปของพวกเขาคือการได้รู้สึกถึงคุณค่าของการมีชีวิตผ่านความภิรมย์และเหล้ารสดีที่คาเฟ่ของมิสอมีเลียมอบให้หลังเลิกงาน
กลับกัน สิ่งที่เติมเต็มชีวิตของมิสอมีเลียผู้เพรียบพร้อมและรวยที่สุดในย่าน ไม่ใช่การให้บริการแก่ลูกค้าด้วยรอยยิ้มเพื่อให้พวกเขาได้ดื่มด่ำและหลีกหนีจากโลกภายนอก หรือการได้มีความสุขจากการพบเห็นสิ่งเหล่านี้ เธอไม่ใช่คนประเภทนั้น หากแต่สิ่งที่ความเหงาในจิตใจของเธอปรารถนา, เหมือนกับเราและท่านทั้งหลาย, และแน่นอนว่าเหมือนกับมาร์วิน เมซี่ และไลมอน, คือ ความรัก
แม็คคัลเลอร์สกล่าวถึงองค์ประกอบของสถานการณ์แห่งความรักไว้สองสิ่ง คือ ‘ผู้รัก’ และ ‘ผู้ถูกรัก’ สองบทบาทนี้ถูกผลัดเปลี่ยนโดยตัวละครหลักทั้งสามอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตลอดทั้งเรื่อง เมื่อเริ่มแรก แม็คคัลเลอร์สได้นำเราและท่านไปรู้จักกับเหตุการณ์อันน่าฉงนที่มิสอมีเลีย หญิงสาวผู้ไม่น่าสมาคมนักและออกจะตระหนี่ ได้ให้ที่พักและอาหารกับชายหลังค่อมผู้อ้างว่าเป็นญาติของเธอ และ, อย่างที่ชาวเมืองว่า, ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ตรงนี้เองคือจุดเริ่มต้นบทบาท ‘ผู้รัก’ ของมิสอมีเลีย และบทบาท ผู้ถูกรัก ของไลมอน ต่อมาแม็คคัลเลอร์สก็แนะนำเรื่องราวของมาร์วิน เมซี่ ผู้เคยสวมบทบาท ‘ผู้รัก’ และมิสอมีเลียในบทบาท ผู้ถูกรัก ให้เราได้รู้จัก ก่อนจะนำไปทำความรู้จักกับไลมอนในบท ‘ผู้รัก’ และมาร์วินในบท ผู้ถูกรัก ในช่วงท้ายของเรื่อง
การผลัดเปลี่ยนบทบาทไปมาระหว่างตัวละครนี้ทำให้กระจ่างแจ้งถึงความสัตย์จริงที่ว่า ไม่ว่าใครก็อยู่ในบทบาทของ ‘ผู้รัก’ ได้ ความรู้สึกรักนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะชายผู้มีอารมณ์คมคายและชั่วช้าอย่าง มาร์วิน และไม่ได้รับการยกเว้นสำหรับผู้มีรูปร่างซึ่งชาวเมืองต่างเรียกว่าน่าฉงนอย่าง ไลมอน และเช่นกัน การผลัดเปลี่ยนบทบาทไปมาระหว่างตัวละครนี้ก็ยังทำให้กระจ่างแจ้งถึงความสัตย์จริงยิ่งกว่าที่ว่า ไม่ว่าใครก็เป็น ‘ผู้ถูกรัก’ ได้
ถึงอย่างไร ความรักก็ไม่ใช่สิ่งน่าพิสมัยพอกับท่าทีถมึงทึงของมิสอมีเลีย เหตุเพราะผู้รักมักจะลืมตัวและพุ่งกระโจนใส่ผู้ถูกรักอย่างเต็มแรงเพียงเพื่อต้องการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้ที่มาเติมเต็มความเหงาในจิตใจของตนเองเท่านั้น
ในขณะที่ผู้ถูกรักอาจรู้สึกอึดอัดคับแน่นอยู่ในอกเมื่อมีผู้รักตามต้อย คอยเสนอสารพัดสิ่ง หรือใช้กลวิธีเรียกร้องความสนใจสารพัดอย่าง เช่นเดียวกับที่มาร์วินมอบทรัพย์สินทั้งหมด รวมไปถึงศักดิ์ศรีของตนให้กับมิสอมีเลีย เช่นเดียวกับที่มิสอมีเลียสูญเสียความมั่นคง หนักแน่น และยอมทำกิจกรรมโง่เง่าที่เธอไม่โปรดปรานอย่างการไปเที่ยวไกลบ้านเพื่อให้ไลมอนสนุก และเช่นเดียวกับที่ไลมอนมักจะออดอ้อนมาร์วินด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม และท่าทางประหนึ่งเด็กอยู่เสมอ
ขณะที่สิ่งเหล่านี้ดำเนินไปตามความเพ้อฝันของผู้รัก พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังปลดเปลื้องตัวตนของผู้ถูกรักออกไป เหลือไว้เพียงบุคคลในจินตนาการของตนเองเท่านั้น ดังนี้เอง ผู้คนทั้งหลายเลยยินดีจะอยู่ในบทบาทผู้รัก มากกว่าผู้ถูกรัก
มาร์วิน เมซี่ ในฐานะผู้รักยอมกระทำทุกอย่างเพื่อให้มิสอมีเลียตอบรับความเหงาของตน เขาทั้งเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้น เริ่มเข้าโบสถ์ ทำมาหากิน พูดจาเสนาะหู ยอมกระเทาะเปลือกอันโสมม เพื่อขัดสีเนื้อในให้ไร้มลทิน เพียงหวังว่าจะได้ชิดใกล้หัวใจของหญิงอันเป็นที่รักบ้าง
มิสอมีเลีย ในฐานะผู้รัก ยอมกระทำทุกอย่างเพื่อให้ไลมอนที่เธอรักรู้สึกดี เธอยินยอมให้เขาเข้ามาอาศัยอยู่ภายในบ้านทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้รู้แน่ชัดว่าเขาเป็นใคร เธอยินยอมให้เขาครอบครองสิ่งของทุกอย่างภายในบ้าน แม้กระทั่งชิ้นที่มีคุณค่าต่อเธอมากก็ตาม และเธอก็ยังยินยอมให้เขาได้รับรู้ข้อมูลใดใดที่เขาต้องการจะรู้ แม้จะเป็นที่เก็บสมุดบัญชีและทรัพย์สินของเธอ
ไลมอน ในฐานะผู้รักยอมกระทำทุกอย่างเพื่อให้ชายหนุ่มที่เขาหลงใหลหันมาสนใจ เขาเดินตามมาร์วินทุกย่างก้าวหลังตื่นนอน และเฝ้าส่งเสียงให้มาร์วินสนใจเขาอยู่ตลอดอย่างที่กล่าวถึง เขายินยอมกระทั่งทรยศมิสอมีเลียเพื่อชายคนนี้
กระนั้น ความโหยหาและความพยายามในการปลดเปลื้องผู้ถูกรักของพวกเขาก็กลับเปลือยเปล่าตัวตนของพวกเขาเสียเอง มาร์วิน เมซี่ ผิดหวังในความรักที่มิสอมีเลียมีต่อตนเองมาก จนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง และเมื่อมิสอมีเลียพบว่าไลมอนสนใจในตัวมาร์วิน เธอก็ยิ่งเกลียดชังและพยายามกำจัดเขาออกไปจากคนรักของเธอ สุดท้าย มาร์วินและมิสอมีเลียได้ตัดสินเรื่องนี้กันด้วยกำลัง พวกเขาเผชิญหน้ากันในวันที่สัญญาณแห่งความพร้อมมาถึง มีชาวเมืองเป็นประจักษ์พยาน—หากแต่ความจริงแล้วชาวเมืองเหล่านี้ก็แค่กำลังพยายามเติมเต็มความเหงาของตนก็เท่านั้น, มาร์วินสามารถเอาชนะมิสอมีเลียได้ ด้วยความช่วยเหลือจากไลมอน ผู้ยังดำรงอยู่ในบทบาทของ ‘ผู้รัก’
และเมื่อเชือกปมสุดท้ายได้คลายออก ก็พบว่ามิสอมีเลียได้สูญสิ้นตัวตนไปเสียแล้ว สภาพของเธอไม่ได้ต่างอะไรไปจากสภาพของคาเฟ่ที่ยังตั้งเอียงกระเท่เร่ ปิดยึดไปด้วยแผ่นไม้มากมาย และไม่มั่นคงอย่างถึงที่สุดอยู่กลางเมือง ณ เวลานี้เลย
อ้างอิง:
คาร์สัน แมคคัลเลอร์ส, บทเพลงโศกแห่งคาเฟ่แสนเศร้า, แปลโดย จุฑามาศ แอนเนียน (นนทบุรี: สำนักพิมพ์ ไลบราลี่ เฮ้าส์, 2560)
เนื้อหา : ภราดร สุขพันธ์
พิสูจน์อักษร : วิสุทธิ์ ปัญญวรญาณ และ พสุภัทร วรศรัณย์
ภาพ : ศวิตา