ยี่หวา จิโยโกะ และเด็กชายแห่งเมืองลำน้ำใหญ่
*มีการเปิดเผยเนื้อหาของนวนิยาย ‘ทะเลสาบน้ำตา’ และภาพยนตร์ ‘กุญแจไขรัก...นักแสดงสาว’ (Millennium Actress)
‘ความหวัง’ ไม่ได้เป็นแค่ความคิด หากแต่เป็นพื้นที่บรรจุความรู้สึกนึกคิดไร้ขอบเขตของมนุษย์ อาจเป็นจินตนาการไร้เขตแดนอันแน่ชัด หรือเป็นการคาดคะเนที่ลอยตัวเหนือเหตุและผลราวกับกลุ่มเมฆไร้รูปร่างแต่ไม่เคยจางหาย กลุ่มเมฆเหล่านั้นต่างแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้าแห่งห้วงความคิด
กลุ่มเมฆแห่งความหวังไม่เคยมาพร้อมกับเสี้ยวสายฟ้าแห่งความแน่นอน หากแต่ปรากฏร่วมทุกสภาพอากาศของห้วงความคิดแห่งมรสุมอันแปรปรวน อันว่าฟ้าคะนองคลั่งหลั่งน้ำตาไม่หยุดหย่อน หรือนภาสว่างไสวสดใสดั่งแสงแห่งเทียนไข เมฆแห่งความหวังยังคงดำรงอยู่ เว้นเสียแต่ว่าท้องฟ้าและจักรวาลจะดับลับหายไป
แล้วว่ากันว่าคลุมเครือแบบนั้นแหละคือความหวัง ดั่งสิ่งประหลาดไร้ผู้ควบคุม ไร้ทิศทาง กระจัดกระจาย แล้วก็ว่ากันว่ามนุษย์นั่นแหละคือตัวแบกความหวัง และความหวังก็แบกทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตอีกทีหนึ่ง มัดรวมทั้งเวลาและพื้นที่ที่ไม่เคยมีอยู่จริงให้เกิดขึ้นบนฟากฟ้าแห่งจินตนาการ บ้างหวังว่าคงจะเป็นแบบนั้น บ้างหวังว่าคงจะไม่เป็นแบบนี้ บ้างก็หวังว่าแมวที่จมในนิทราตลอดกาลจะฟื้นกลับมาวิ่งเล่นที่มุมเดิมข้าง ๆ เตียงไม้โอ๊ก แล้วบ้างก็หวังว่าความรู้สึกเหล่านี้จะมั่นคงจนชั่วฟ้าดินสลาย กระทั่งรู้ตัวอีกทีความรู้สึกเขินอายแกมชมพูข้างแก้มเหล่านั้นก็ถูกปันให้คนอื่นหมดเสียแล้ว
ว่ากันว่า ‘ความหวัง’ ทำงานแบบนั้นแหละ ทำงานบนความไม่รู้ ไม่ชี้ชัด ไหลเคลื่อนอยู่บนความไม่แน่นอน แต่แล้วก็เพราะความไม่รู้ของมนุษย์นี่แหละที่ทำให้ความหวังได้ใจ บางครั้งก็กลั่นแกล้ง บางครั้งก็เป็นไปตามหวัง และแล้วก็เพราะความไม่รู้อีกนี่แหละที่ทำให้คนเดินไปตามเส้นทางของความหวัง ทำให้แรงสู้ในใจระยิบระยับตลอดเวลา ก็เพียงเพื่อว่าสักวันจะเป็นไปตามที่หวัง แต่สุดท้ายแล้วก็สิ้นหวัง ความหวังไม่เคยกลับมาให้มองเห็น แล้วมันก็หายไปตอนไหน ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครได้พบเจอกับมันอีก สิ้นลับไปพร้อมกับจักรวาลของคนแล้วคนเล่า
ความหวังน่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งลึกลับที่สุดในจักรวาลไม่ต่างจากพวกผีลี้ลับ คนกับผีต่างก็เจอกันอยู่เรื่อยไป แต่ให้หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ อย่างเรื่องราวของสตรีท้องกลม คอบิดเบี้ยวไม่ได้รูป ยืนใต้ต้นก้ามปูยักษ์ในตรอกซอยลึกลับที่มักกวักมือเรียกสามล้อให้ไปส่ง ณ บ้านวิกลหลังใหญ่โต แม้จะพอรู้ว่าสตรีผู้นี้น่าจะไม่ใช่คนที่มีเนื้อกายให้สัมผัสได้ แต่จะให้หาตัวแล้วเข้าไปพูดคุยก็จะกลายเป็นเกมซ่อนหาที่ไม่มีวันชนะ คงเพราะไร้หลักฐานที่ประจักษ์แน่ชัดอย่างนี้แหละ มนุษย์ไม่มีวันชนะความหวัง
ก็ใช่จะบอกว่าความหวังไม่ดีในตัวเอง แต่เป็นเพราะลึกลับมึนงงที่ทำให้มันทั้งน่าพิศวงและน่าหลงใหลได้พร้อม ๆ กันดูจะเข้าท่ากว่า ราวกับว่ามนุษย์นั้นเดินตามความหวัง ความหวังทำให้คนบางคนอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพียงเพื่อได้เห็นเสี้ยววินาทีของระบอบที่ไร้อยุติธรรม เพียงเพื่อให้มั่นใจว่าเธอตรงหน้าจะใช้ชีวิตต่อไปได้แม้ขาดหายซึ่งครึ่งชีวิต เพียงเพื่อสัมผัสเท้าเท่าฝาหอยอ่อนนุ่มของเด็กคนหนึ่ง เด็กที่ถูกสาปให้เติบโตต่อไปพร้อมกับความหวังอะไรหลาย ๆ อย่างจนชั่วชีวิต
มันมักเป็นเรื่องราวคล้าย ๆ กันหมด เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของ ‘ยี่หวา’ เด็กสาวในนิยาย ‘ทะเลสาบน้ำตา’ ที่คุณวีรพร นิติประภาได้รจนาไว้ ทั้งยี่หวาและผู้คนรอบตัวล้วนเดินตามร่องรอยของความหวังอันน้อยนิด และด้วยเพราะความ ‘หวังว่า’ ของคน ๆ หนึ่งนี่แหละ ที่ทำให้ยี่หวาต้องเดียวดาย แต่ขณะเดียวกันความ ‘หวังว่า’ ของยี่หวาก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอไม่ไร้กำลังใจในการมีชีวิตที่ร่าเริงไปกับสภาพแวดล้อมที่โจมตีเธอด้วยเหงาหงอยและเศร้าซึม
มันเริ่มต้นด้วยความหลงใหลในบางสิ่ง พ่อของยี่หวาคลั่งไคล้ในต้นไม้ไพรพนา ตั้งแต่ต้นเล็กต้นน้อยไปจนถึงต้นใหญ่ที่ว่ากันว่าสามารถโอบล้อมจักรวาลไว้ในอ้อมกอดสีเขียวของกองทัพพฤกษา และส่วนหนึ่งเพราะคลั่งไคล้นี่แหละที่ทำให้ความหวังถือกำเนิด ความหวังในตัวพ่อเกิดขึ้นและหวังว่าสักวันจะได้พบต้นไม้ยักษ์พันธุ์นั้น น่าจะเป็นเพราะพ่อตกอยู่ใต้อำนาจความหวัง ทำให้เผลอลืมทุกอย่าง ลืมว่าลูกก็ต้องการโอบกอดจากพ่อเช่นเดียวกัน เลยทิ้งความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ไว้ให้ยี่หวาอีกทอดหนึ่งว่าจะรีบเอากอดอุ่นกลับมาหาสักวัน แล้วพ่อก็หายไปกับสายลมแซมใบไม้ร่วงที่ปลิวนานเป็นแรมปี ไม่มีใครรู้เลยว่าแท้จริงแล้วพ่อก็สำเร็จหวัง ได้พบยักษ์พฤกษาที่ว่า เพียงแต่ว่าต้นไม้ยักษ์โอบกอดพ่อไว้ตลอดกาล แล้วแม่กับยี่หวาก็ไม่สมหวังอย่างที่พ่อตั้งไว้ให้
ไม่ใช่แค่ยี่หวาที่ต้องติดอยู่กับความหวังที่ถูกฝากฝังให้รอคอยกอดที่ค่อย ๆ จางหายของพ่อ แม่ของยี่หวาเองก็เช่นกัน ความหวังกัดกินแม่ไปหลายปี กัดกินความรู้สึกให้ต้องโหยหา ปรารถนา และค่อย ๆ สิ้นหวังไปกับความหวังที่พ่อฝากไว้ ความรู้สึกต่าง ๆ กลายเป็นคำก่นด่าและจินตนาการถึงสตรีปริศนาในโอบกอดของชายหนุ่มผู้เป็นที่รัก และแล้วความหวังก็ทำลายสิ้นซึ่งทรงจำดี ๆ ที่มีให้กันระหว่างพ่อกับแม่ แล้วแม่ก็สร้างความหวังใหม่เพื่อตอบสนองต่อความต้องการซึ่งการถูกรักอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นแม่ก็เดินออกไปจากชีวิตยี่หวาอีกคน ร่อนเร่พเนจรไปยังเมืองกระจก เพื่อหาความรักที่แม่ต้องการ โดยที่ความหวังได้พรากความรักของแม่จากยี่หวาไป
แล้วก็เป็นเสียอย่างนั้น โดดเดี่ยวเข้าโอบกอดยี่หวาอย่างทันควัน ครั้งนี้ต่างไปจากเดิมอยู่ไม่น้อย เพราะแม่ไม่ได้ทิ้งความหวังอะไรไว้ให้ยี่หวาต้องแบกรับ แม่ก็แค่เดินจากไป ไร้แม้แต่อักษรบนกระดาษฝากบอกคำกล่าวลา ไร้ซึ่งวาจาและน้ำเสียงใด ๆ แม่หายไปพร้อมกับหวังที่เพิ่งจะสิ้น และเดินทางต่อพร้อมความหวังใหม่กับรักในจินตนาการดั่งในนิยายโรแมนติกแบบพวกฝรั่งบนชั้นหนังสือฝุ่นเขรอะที่ร้านสาระบาน
น่าจะเป็นตอนนั้น ตอนที่ยี่หวาตระหนักได้ว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังจะหายไป แล้วตอนนั้นความหวังก็เกิดขึ้นอีก ความหวังที่ว่ายี่หวาจะได้เจอแม่ ความหวังที่ว่าแม่แค่ออกไปชั่วคราว ความหวังที่ว่าแม่ยังรักยี่หวาเหมือนเดิม ที่ว่าแม่แค่อยากฝึกให้ยี่หวาอยู่คนเดียวให้ได้ แล้วยี่หวาก็หวังว่าเมื่อแม่เห็นแล้วว่ายี่หวาโตพอ สักวันแม่จะกลับมาหา
ถ้าใครได้อ่านนิยายอาจจะจำได้บ้างว่ายี่หวาก็ไม่ได้เจอแม่หรอก แต่นั่นแหละ ยี่หวาไม่ได้ยอมแพ้อะไร ความหวังคงไม่อนุญาตให้ยี่หวายอมแพ้ตอนนี้ หรืออาจจะปล่อยให้ยี่หวามีหวังได้เจอแม่ไปชั่วชีวิต คิดทางหนึ่งก็ดูไร้หนทาง แต่พอคิดอีกทางก็เห็นว่าความหวังนี่แหละที่ทำให้ชีวิตยี่หวายังคงไม่เหือดแห้ง ก็เพราะความหวังเหมือนกันที่ทำให้ชีวิตหลาย ๆ ชีวิตไม่แตกสลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกับผืนโลกเสียก่อน
สักวันทุกคนคงรู้สึกแบบนี้ สักวันก็คงเจ็บแบบนี้แหละ แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนหนึ่งก็คิดว่าเป็นเพราะความหวังดันเกิดขึ้น ณ ตอนนั้นพอดี ไอ้ความรู้สึกที่เหมือนแสงในใจเริ่มสลัว ๆ ก็ค่อย ๆ กลับมาสดใส เครื่องยนต์ที่กำลังจะดับจู่ ๆ ก็ทำงานได้ขึ้นมาเหมือนไม่เคยพังมาก่อน แม้ชีวิตจะทำร้ายเราขนาดไหน ความหวังก็ยังมอบโอกาสเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้อยู่เสมอ ก็น่าจะแบบนี้หรือเปล่า ยี่หวาไม่เคยทำให้ตัวเองสิ้นหวังไปเสียก่อน ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสได้ไปเริ่มต้นในร่างใหม่ ๆ ที่น่าจะไร้เศร้าโศกและทรมาน
คล้ายกันกับเรื่องที่เกิดมานานแล้ว เหมือนในการ์ตูน ‘กุญแจไขรัก...นักแสดงสาว’ นักแสดงที่ว่าก็คุณ ‘ฟูจิวาระ จิโยโกะ’ นักแสดงผู้เปี่ยมด้วยหวัง ทั้งตัวเธอและบทบาทสมมุติในโลกจอกระจกก็เป็นเรื่องของความหวังทั้งนั้น ความหวังคอยขับเคลื่อนให้เธอรอที่จะได้เจอชายคนหนึ่งอีกครั้ง ความหวังที่จะได้คืนกุญแจสู่ ‘สิ่งที่สำคัญที่สุด’ ที่ชายไร้หน้าฝากไว้กับเธอ
เริ่มด้วยเหตุการณ์บังเอิญหรือถูกจัดฉากโดยชะตาฟ้าลิขิตก็ตอบยาก อาจเป็นเพราะความหวังวางแผนให้ต้องเป็นแบบนี้ตั้งแต่เริ่ม ชายคนหนึ่งกำลังหลบหนีการไล่ล่าจากตำรวจ แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นก็เหมือนดั่งในละครน้ำเน่าช่วงทุ่มสองทุ่ม จิโยโกะวัยเด็กได้เจอรักครั้งแรกซึ่งเป็นชายนิรนามไร้ใบหน้า บทสนทนาระหว่างกันก็สั้นกว่าคำอวยพรวันเกิดแบบผิวเผิน รู้เพียงแค่ว่าเขามาจากดินแดนที่มีหิมะปกคลุมภูเขา และเขาก็หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้วาดรูปตรงนั้น พร้อมลมหนาวที่พัดเอาน้ำในผิวออกไปจนแห้งเหือด แล้วก็ฝากหวังไว้กับจิโยโกะพร้อมกับกุญแจสู่ ‘สิ่งสำคัญที่สุด’ โดยหวังว่าสักวันจะได้เจอกันอีกที่ภูเขาหิมะลูกนั้น แล้วหายลับไปพร้อมกับสิ่งที่สำคัญที่สุดที่อาศัยอยู่ในทรงจำ
นั่นคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมเธออยากจะเป็นดาราให้ได้ เพราะผู้กำกับมาบอกว่าจะได้ไปถ่ายหนังกันแถบภูเขาหิมะลึกลับนั่นเชียว และเส้นทางดาวดาราของคุณจิโยโกะจึงเริ่มต้นจากตรงนี้
จากนั้นเรื่องราวทับซ้อนวังวนเหมือนวงกตของเดดาลัสก็เกิดขึ้น ภาพยนตร์แล้วสู่ภาพยนตร์เล่าที่จิโยโกะได้แสดงนำต่างก็เป็นเรื่องราวที่เวียนวนอยู่กับการตามหาคนสำคัญที่สุดในชีวิต คู่ขนานไปกับชีวิตของจิโยโกะที่หวังว่าสักวันหนึ่งจะได้พบชายไร้หน้าคนเดิมอีกครั้ง ทั้งเรื่องราวของการตามหาชายปริศนาในห้วงอวกาศ เรื่องราวในประวัติศาสตร์ไกลโพ้นของเจ้าหญิงที่ถูกแม่มดสาปให้ต้องทรมานกับการแยกจากกับคนรักนักดาบซามูไร เรื่องราวของการพลัดพรากและการรอคอยชายที่พลัดหายไปด้วยน้ำมือของสงครามระหว่างชาติที่ประชาชนไม่ได้ก่อ เรื่องแล้วเรื่องเล่าของการตามหาชายปริศนาไม่ทราบชื่อ เรื่องแล้วเรื่องเล่าของการไม่ได้พบเจอ
คิดว่าคงเป็นเพราะความหวังในใจของเธอนั้นเฟื่องฟู การได้เป็นดวงดาวบนจอภาพยนตร์อาจทำให้ชายไร้หน้าได้เห็นเธอบ้างสักวัน แต่แม้จะเป็นดาวดวงหนึ่งของวงการ ชายผู้นั้นก็ยังไร้หน้าอยู่เสมอไป และกุญแจดอกที่ว่าก็ไม่เคยได้ไขสิ่งที่สำคัญที่สุดเสียที จุดนี้จะว่าน่าชื่นชมคุณจิโยโกะที่สามารถทุ่มเทตัวเองได้มากมายขนาดนี้ก็ว่าได้ แต่ก็ย้ำให้เห็นว่าความหวังนี่ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะเรื่องเดิม ๆ เพราะเรื่องของความไม่รู้ ไม่รู้ว่าชายผู้นั้นอยู่ไหน ความหวังเลยมอบกำลังใจให้คุณจิโยโกะอยู่เรื่อย ๆ จนมาถึงวันที่รู้ว่าชายคนนั้นหายลับไปในอนธการพร้อมกับปริศนาเมฆหมอกของสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ คุณจิโยโกะทุ่มเทตามหารักครั้งแรกมานานกว่าหลายปีเพียงเพื่อพบว่าชายไร้หน้าได้เดินทางสู่นรกานต์พร้อมกับรักของเธอไปเสียก่อนแล้ว ชีวิตของคุณจิโยโกะจึงไม่ได้ต่างอะไรกับภาพยนตร์พวกนั้น เธอวิ่งหาชายปริศนา แล้วเธอก็ไม่ได้อะไรกลับมา เหลือแค่เพียงความหวังว่าสักวันจะได้เจอต่อไป ความหวังเป็นสิ่งที่ไว้ใจไม่ได้ ในขณะเดียวกันความหวังก็โอบกอดเรา แล้วก็เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งเศร้าโศกเอาไว้อย่างลับ ๆ ด้วยเช่นกัน
จะว่าไปแล้วอำนาจของความหวังที่มีต่อคุณจิโยโกะก็ทำให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง อย่างน้อยก็พิสูจน์ว่าความรักของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยิ่งใหญ่ขนาดไหน แม้ไร้ชื่อ เบาะแส และใบหน้า ความหวังที่จะนำกุญแจคืนสู่ผู้นั้นพร้อมได้เห็นภาพภูเขาหิมะขาวไปพร้อม ๆ กันก็ไม่เคยลดเลือน
ดูเหมือนว่าความหวังไม่ได้ทำให้คุณจิโยโกะตกอยู่ในวงจรระทมทุกข์ แต่ทำให้ตระหนักได้ว่าชีวิตของเธอมีค่าแค่ไหน และแม้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะไม่สมตามหวัง และไม่ได้เจอกับชายไร้หน้าผู้นั้นอย่างที่เธอปรารถนา แต่ก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า ความรักทำให้ชีวิตเธอมีค่ามากแค่ไหน อย่างน้อยในบั้นปลายชีวิต เธอก็จากไปโดยที่รู้ว่าความหวังของเธอไม่มีวันเป็นจริง ไร้คลุมเครือปกคลุมติดเธอไปยังอีกโลกหนึ่ง โลกที่ไร้ความหวังมาควบคุม
ยังมีเรื่องเล่าอีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับความหวัง เป็นเรื่องราวในดินแดนสุดลูกหูลูกตา เรื่องราวของเด็กชายแห่งเมืองลำน้ำใหญ่ เมืองเล็ก ๆ ที่คั่นระหว่างสองวัฒนธรรม เด็กชายเติบโตผ่านความธรรมดา ยุคของการก้าวพ้นผ่านวัยในแต่ละช่วงก็ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษนัก จะมีก็เป็นพวกกองคำถามแห่งตัวตนที่พยายามขุดคุ้ยค้นหาเด็กชายหรือเด็กหญิงในร่างกายอันบอบบางที่ตนก็คงไม่ได้พึงปรารถนามากสักเท่าไร
น่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นที่กองคำถามเหล่านี้ทำให้เด็กชายหวังว่าสักวันจะได้พบเด็กปริศนาข้างในตัวตนให้จงได้ จนถึงวันที่ได้รู้ว่าเด็กปริศนาข้างในนั้นไม่ใช่เด็กชายหรือเด็กหญิง แต่เป็นเพียงเด็กที่โดนตีตราว่าผิดแปลก เด็กชายจึงกลัวว่าตนคงทำให้ความหวังของพ่อแม่ต้องสูญสิ้นไปหมดแล้ว แต่จริง ๆ เด็กชายก็ไม่ได้รู้สึกผิดขนาดนั้น เพราะความหวังที่พังทลายไม่ใช่หวังของตน หากแต่เป็นหวังของคนอื่นที่เข้ามาพันธนาการกับเด็กชายเสียเอง
หลังจากนั้นก็แทบไม่มีอะไร เด็กชายค่อนข้างประสบความสำเร็จตามสิ่งที่ความหวังเข้ามาล่อทีละนิดละน้อย จนจู่ ๆ ความหวังก็ไม่เข้าข้างเด็กชายอีกต่อไป หายลับไปอย่างกับไม่เคยมีตัวตน เคว้งคว้างเข้าครอบงำเด็กชายตั้งแต่วินาทีนั้น เหลือเพียงร่างและวิญญาณที่โดนสาปให้ต้องเร่ร่อนร่วมกับร่างอื่น ๆ ต่อไป ด้วยไม่กล้าพอที่จะใช้วิธีลัดเข้าสู่โลกไร้แสง เด็กชายจึงใช้ชีวิตอันกลวงเปล่ารอเวลาให้สตรีชุดดำปรากฏอยู่ตรงหน้า
อยู่ ๆ ทุกอย่างก็ดูแน่นิ่ง ปล่อยให้ครอบครัวของเด็กชายอยู่ในภาวะมึนงง ไม่มีอีกต่อไปแล้วเหล่าคนช่างฝันที่ความหวังควบคุม ชะตาได้บดขยี้เศษความหวังอันน้อยนิดให้ตกหล่นในร่างที่ต้องใช้ชีวิตจนไม่เหลือสิ้น นับตั้งแต่เกิดจุดพลิกผันใหญ่ในชีวิตของเด็กชาย เรื่องราวประโลมโลกที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิด ส่วนผสมระหว่างโอกาสหลายครั้งในการพูดคุยกับชายวัยกลางคนที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงหากแต่เพียงสมมติ และวิกฤตวัยกลางคนที่ก่อให้เกิดการเล่นซ่อนแอบผ่านตัวอักษรอิเล็กทรอนิกส์แบบลับ ๆ เรื่องราวของสตรีปริศนาที่ผุดขึ้นกลางสายใยสัมพันธ์ เด็กชายและแม่นอนกอดกันในเวิ้งว้างและเจ็บปวด จำนนด้วยความเกลียดชังกับสิ่งที่ตนไม่ได้ก่อ
ตั้งแต่ตอนนั้นเด็กชายก็ได้แต่ตั้งคำถาม ถ้าความหวังไม่อยู่ตรงนี้เพื่อล่อให้อยากมีชีวิตอยู่ ทำไมไม่พาตนไปเสียด้วย เหลือแค่เพียงความรู้สึกแปร่ง ๆ แปลก ๆ ที่ผสมปนเป และดูว่ารสชาติน่าจะแย่กว่าแกงกะทิที่ลืมแช่ไว้ในตู้เย็นตามที่แม่คอยกำชับ ทุกสิ่งค่อย ๆ เลื่อนลอย เด็กชายไม่เข้าใจว่าชีวิตตัวเองคืออะไร เด็กชายอาจจะเลิกเชื่อไปแล้วว่าความหวังเคยมีอยู่จริง
มันไม่ได้เริ่มด้วยความหลงใหลเหมือนพ่อของยี่หวา ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะต้องการตามหาแม่แบบยี่หวา และก็ไม่ได้เริ่มด้วยเหตุผลที่ว่าสักวันจะได้พบกับคน ๆ หนึ่งอีกครั้งเหมือนกับคุณจิโยโกะ มันเป็นเพียงความหวังแบบแปลก ๆ ที่พอนึกอีกครั้งความหวังก็ไม่ได้เรียกว่าทิ้งเด็กชาย แต่เป็นเพียงความหวังที่ไม่ได้โดดเด่น เป็นความหวังแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ก็ว่าได้ เด็กชายแค่หวังว่าสักวันก้อนหน่วง ๆ ที่รั้งอยู่ข้างในจะสลาย หวังว่าสักวันตัวเองจะมองเห็นว่าชีวิตมีค่าให้ได้ใช้มากกว่าแค่พเนจรท่ามกลางผู้คนที่เต็มไปด้วยความฝัน ความหวังที่ยิ่งใหญ่และไม่บั่นทอน
เส้นทางของเด็กชายยังทอดอีกยาวไกล ยังมีผู้คนมากมายให้พานพบ ระหว่างนี้เด็กชายคงต้องพยายามสร้างความหวังขึ้นมาเสียเอง เพื่อให้ตัวเองไม่ลงมือทำอะไรที่ทำให้สายน้ำแห่งนัยน์ตาของใครบางคนหลั่งไหล เด็กชายพยายามแบกรับความหวังของคนอื่นที่เข้ามาเติมเต็มไปพร้อม ๆ กันกับการสร้างความหวังเพื่อให้ตัวเองไม่หายไปไหนเสียก่อน
ไม่มีใครรู้ว่าแม่เด็กชายจะได้ไปอยู่ที่นั่นตามที่มั่นสัญญากันไว้หรือไม่ ที่บ้านใกล้ ๆ ทะเล ที่อย่างน้อยก็ช่วยปลอบว่าผืนโลกมีทะเลน้ำตามากกว่าจำนวนน้ำตาที่แม่กับเด็กชายต่างร้องไห้ใส่กัน เด็กชายไม่รู้ว่าวันไหนทุกอย่างจะจบ ไม่รู้ว่าความหวังจะอยู่ตรงไหนในอนาคต ไม่รู้ว่าเวลาที่ผ่านมาความหวังมีจริงหรือไม่ สุดท้ายก็เพราะ ‘ความไม่รู้’ เกี่ยวกับความหวังอีกเช่นเคย
ดูแล้วก็เหมือนถูกสาปทั้งเป็น จะมีความสุขก็ทำไม่ได้ ถึงทำได้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร จะเลือกหายไปเสียก็กลับทำไม่ได้ สุดท้ายแล้วความหวังก็ยังแกล้งให้เด็กชายต้องอยู่แบบนี้ตลอดไป ไร้เป้าหมาย ไร้ชีวิตชีวา และน่าจะมีคลื่นน้ำตาจากเด็กชายคนนี้ต่อไปอีกปีแล้วปีเล่า คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เด็กชายจะได้รับการขนานนามว่าเป็นเด็กชายแห่งเมืองลำน้ำใหญ่ ลำน้ำกักเก็บเศร้าโศกอันเป็นนิรันดร์
ความหวังให้กำลังใจยี่หวาว่าอาจได้เจอแม่คนนั้นที่หายไปในเมืองกระจก
ความหวังบอกกับคุณจิโยโกะว่าไม่ต้องไล่ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดอีกต่อไปแล้ว
ความหวังโยนเด็กชายแห่งเมืองลำน้ำใหญ่ใส่ในเมฆหมอกแห่งความคลุมเครือ
สิ่งที่เรียกว่าความหวังทั้งคร่าและหล่อเลี้ยงชีวิตไปพร้อม ๆ กัน
อ้างอิง
วีรพร นิติประภา, ทะเลสาบน้ำตา, พิมพ์ครั้งที่ 1 (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ อาร์ตี้เฮ้าส์, 2563).
Kon, S. (Director). (2001). Millennium Actress [Film]. Madhouse.
เนื้อหา : บูม ณัฐกร
พิสูจน์อักษร : ชนิดาภา (w.wv) และ พทมณ ส.
ภาพ : อรรถกร สุวรรณทอง