อุ่นแสงอรุณแรก
.
เสียงลมหนาวในยามเช้ากระซิบผ่านแมกไม้สูงชะลูด กลิ่นไอดินอ่อน ๆ ผสานกับความชื้นของน้ำค้างที่ยังเกาะพราวอยู่ตามใบหญ้า ฉาบไปด้วยประกายสีทองจากดวงอาทิตย์แรกแย้มเหนือเส้นขอบฟ้าในวันที่ 1 มกราคม ครั้งที่ 22 ในชีวิต คงเป็นเรื่องดีอีกเรื่องที่ได้อยู่จนถึงวันสิ้นปี แล้วมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ วนซ้ำไปมาจนกว่าจะสิ้นลม บรรยากาศเงียบสงบยามรุ่งอรุณของวันปีใหม่ ดูราวกับโลกกำลังหยุดหายใจชั่วขณะเพื่อเปิดโอกาสให้หัวใจของคนที่ยังคงลังเล พลาดพลั้ง ผิดหวัง และเสียใจได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
.
คนที่ครั้งหนึ่งเคยภาคภูมิใจในเส้นทางชีวิตของตนเอง บัดนี้กลับยืนอยู่ริมลำธารเล็ก ๆ กลางหุบเขา ใบหน้าเรียบเฉยซ่อนความเหนื่อยล้าภายใต้ดวงตาที่เคยเปล่งประกายแต่บัดนี้หม่นหมอง ปีที่ผ่านมาเขาเผชิญกับความผิดหวังที่หนักหนาสาหัส การเรียน ความรักที่พังทลาย และความฝันที่ไม่อาจไขว่คว้า ราวกับชีวิตเป็นบทเรียนที่เขาไม่เคยทันเตรียมตัวสอบ–เขาหลีกหนีกลิ่นฝุ่นคลุ้ง กลิ่นควันสันดาปของรถเล็กใหญ่ในมหานคร เสียงลำโพงรถพุ่มพวงขายผักที่มาจอดหน้าตึกแถวหน้าบ้านในทุกยามเช้า ตัดสินใจแบกกระเป๋านั่งรถไฟชั้นสองมายังเมืองท่องเที่ยวในภาคเหนือห่างไกล หวังเพียงอยากให้บรรยากาศที่แตกต่าง ใบหน้าผู้คนที่ไม่รู้จัก และลมหนาวพาพัดความหนักอึ้งบนบ่าให้หายไปแค่ชั่วขณะก็ยังดี
.
ชีวิตไม่เคยหยุดรอ–ใช่ว่าเขาจะไม่รู้
.
เสียงน้ำในลำธารไหลเอื่อยกระทบก้อนหินเล็ก ๆ ดึงความสนใจของเขากลับมา ที่พักขนาด 7.5 ตารางวากลางดอยสูง โฮมสเตย์บนป่าเขาติดลำธารพร้อมอาหารเช้าเย็นที่ราคาต่อคืนพอ ๆ กับตอนที่เขาไปกินข้าวกับเพื่อน ณ ห้างใหญ่สักที่ในเมืองกรุงเพียงหนึ่งมื้อ เปิดสมุดบันทึกเล่มเก่าที่เขาเขียนสิ่งต่าง ๆ มาตลอดทั้งปี–กล่องแพนดอร่าที่เขาได้มาจากการจับสลากวันสิ้นปีเมื่อปีที่แล้ว แทนที่จะให้แม่นำไปเขียนตัวเล็กสามตัวสลับไปมา เขียนบนล่าง 100x100 คำนวณก่อนนำตัวเล็กสักหนึ่งเซ็ตไปซื้อหวยใต้ดินกับเจ้ามือท้ายตลาด ครั้งนี้เขาเลือกจะใช้มัน–พลิกผ่านหน้ากระดาษที่เต็มไปรอยขีดเขียนจากดินสอ ปากกา บางหน้าเป็นรอยดินสอหมุนวนจนเต็มแผ่น เมื่อลูบเข้า แกรไฟต์สีเข้มมีแต่จะติดปลายนิ้วมาให้รำคาญใจ ตอนนั้นคือวันที่เท่าไร และเขากำลังคิดอะไร เขาจำมันไม่ได้แล้ว บางหน้าเป็นรูปวาด คำเขียน บทเรียนบ้างในบางหน้า บันทึกอันไร้รูปร่างตลอดปีถูกพลิกมาอย่างไม่ยี่หระนัก จนในส่วนท้าย บันทึกกลายเป็นตัวอักษรที่แฝงไปด้วยข้อความแห่งความเสียใจ คำถามที่ไม่มีคำตอบ และความหวังที่ถูกกลบฝังไว้ แต่สิ่งที่สะดุดตาเขาคือหน้าสุดท้ายที่เขียนไว้เมื่อคืน
.
‘ขอโทษ... และขอบคุณ’
.
คำสองคำที่เรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยความหมายมหาศาล เขาเขียนตอนฟังเพลงผ่านหูฟังสายที่ตอนนี้น้อยคนจะใช้แล้ว เปิดหน้าต่างรับลมหนาวเย็นจากภายนอกรถไฟที่มืดสนิททั้งสองข้างทาง เขาอยากทำตัวเหมือนศิลปินเจ้าบทกลอนผู้เป็นอิสระที่พบได้ตามหนังติสท์จากผู้กำกับหนังไม่ทำเงิน แต่เมื่อกลับมามองอีกครั้ง กลับมีคำถามยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยจะนึกถึง
.
เขากำลังขอโทษและขอบคุณผู้ใด
.
ตอนจรดปลายดินสอ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น บางทีเขาอาจกำลังขอโทษที่เคยล้มเหลวในสิ่งที่ตั้งใจ หรืออาจขอโทษคนรอบข้างที่เขาทำให้ผิดหวัง ขอโทษแม่ที่ไม่เคยทำได้อย่างที่หวัง ขอโทษเพื่อนที่ในบางครั้งเขาทำให้ต้องเหนื่อย ขอโทษเจ้าลาย แมวผอมโซหน้าเซเว่นที่เขาไม่เคยซื้อขนมซองให้เลยสักครั้ง–คนเรามีเรื่องให้ขอโทษมากมาย ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงยิ่งใหญ่
.
เขาคิดในใจสักครู่หนึ่ง เหลือบมองกระแสน้ำใส ลมพัดไอเย็นจากลำธารขึ้นมาโดนผิวกายเย็นวาบ พลันนั้น เขาก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
.
บางที–อาจจะแค่บางที สิ่งที่เขาขอโทษคือตนเองในอดีตที่เคยพลาดพลั้ง ‘ถ้ารู้อย่างนี้’–เป็นคำพูดที่พูดกับตนเองทุกครั้งที่ทำผิด มันทำให้เขารู้สึกผิดน้อยลง และยังเป็นเพียงข้ออ้างลม ๆ แล้ง ๆ ที่มาเลียแผลใจจากความพลาดพลั้งในอดีตให้ทุเลาลง
.
รู้อย่างนี้เขาคงไม่ทำพลาด
.
รู้อย่างนี้เขาคงไม่เลือกจะทำ
.
รู้อย่างนี้ รู้อย่างนั้น หากมันจะจบลงแบบนี้ตัวเราคงไม่–
.
เมื่อกลับไปมองถึงตอนนั้นทำให้เขากลั้วหัวเราะอย่างระอา–มองตนในเงาสะท้อนใสบนผิวน้ำราวกับตนเป็นไอ้ขี้แพ้
.
‘รู้ไปแล้วแก้ไขอะไรได้ เพราะผิดพลาดมิใช่หรือจึงเติบโต’
.
ระลอกความรู้สึกเอ่อล้นชั่วขณะที่ขอบตา–เขาเสียใจ ดีใจ จะทางไหนก็มีแต่น้ำตาจะล้นเอ่อ
.
ทุกความสูญเสีย ทุกความพลาดพลั้ง ทุกก้าวที่ยื่นเหยียบบนพื้นดิน พื้นหญ้า คอนกรีตน้ำซึมริมถนน ตึกเรียนที่อยู่มานานก่อนเขาจะรู้สึกถึงการหายใจลงปอดครั้งแรก–จะก้าวพลาดจนล้มคลุกคลานบนพื้น ลื่นไถลไปตามหน้าดินหรือคราบน้ำที่ผู้อื่นทำหก บ้างแค่สะดุดจนเสียหลัก ล้มคะมำก้นจ้ำเบ้า บ้างเข่าถลอกจนเป็นแผล–แต่สุดท้าย ขาสองข้างก็พากลับมาอยู่ในจุดเดิมอีกครั้งหนึ่ง เขาได้รู้การรักษาแผลยามล้มลุกบนพื้น เรียนรู้การลุกขึ้นมาในหลากหลายรูปแบบ เคยเจ็บปวดมาเป็นพันหมื่นครั้ง แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะไม่ลุกขึ้นเดินต่อเพื่อเปิดสมุดจดขนาด A5 โอบรับปลายปากกาและวาดเขียนเส้นต่อไป จะในวันนั้น วันรุ่งขึ้น หรือวันต่อไป กล่าวขอบคุณและขอโทษกับใครต่อใครอีกเป็นร้อยพัน
.
เขาฉีกหน้ากระดาษหน้าสุดท้ายนั้นออก พับมันเป็นเรือกระดาษเล็ก ๆ อย่างประณีต ก้มลงบรรจงจับให้มันทำท่าราวกำลังจะลอยตามกระแสน้ำ แต่ไม่ปล่อยมือ–เขาไม่อยากเป็นนักท่องเที่ยวไร้ความรับผิดชอบที่ทิ้งขยะลงแม่น้ำ แม้หากทำมันคงดูเท่พิกลเหมือนตัวเอกหนังสักเรื่อง
.
เรือกระดาษในจินตนาการค่อย ๆ ลอยไปไกลขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับพัดพาความทุกข์และความเสียใจของปีเก่าให้จางหายไปพร้อมกับมัน หากคนบนเขาได้ลอย ลำธารใสคงเต็มไปด้วยเรือกระดาษนับร้อยนับพันไหลผ่านไร้สิ้นสุด–ความหนักอึ้งบนบ่าเริ่มเบาบาง
.
เรือกระดาษลอยหาย แต่ความทรงจำคงอยู่ และถึงให้พยายามเขาคงไม่อยากลืม
.
ยืดตัวขึ้นมา เก็บเรือกระดาษที่เป็นรูปธรรมชื้นเปียกเข้าใส่กระเป๋ากางเกง เขาอยากทิ้งมันไว้สักแห่ง–แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ในธรรมชาติสวยงามเช่นนี้
.
เขาแหงนมองขึ้นยามแสงอาทิตย์ค่อย ๆ ทาบทับผืนโลกอย่างนุ่มนวล สะท้อนลำธารสว่างวาบ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ปล่อยให้ลมหนาวพัดผ่านหัวใจและปลุกความรู้สึกใหม่ขึ้นมา ในแสงอรุณแรกของปีนี้ เขาไม่เพียงแต่รู้สึกถึงการเริ่มต้นใหม่ แต่ยังได้ค้นพบว่า…
.
การปล่อยวางไม่ได้แปลว่าลืม แต่คือการยอมรับ
.
ยอมรับว่าความผิดพลาดคือส่วนหนึ่งของชีวิต ยอมรับว่าความเจ็บปวดไม่ได้มีเพียงไว้ให้จดจำ แต่มันมีไว้ให้เรียนรู้ และที่สำคัญที่สุด ยอมรับว่าชีวิตนั้นมีคุณค่าแม้ในช่วงเวลาที่เราคิดว่ามันไม่มีอะไรเลย จงลุกขึ้นและก้าวเดินเสีย
.
ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรคแบบไหน แต่ในวินาทีนั้น เขารู้เพียงสิ่งเดียวว่าเขาจะไม่แบกน้ำหนักของอดีตอีกต่อไป
.
ในแสงทองอุ่น ๆ ของอรุณแรก เขารู้สึกถึงพลังที่เริ่มกลับมาหาเขาอีกครั้ง และด้วยรอยยิ้มที่บางเบา เขาก้าวเดินไปข้างหน้าบนเส้นทางใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวัง เดินกลับห้องพักเพื่อเช็กเอาต์ ขอบคุณคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์สำหรับหมูกระทะเมื่อเย็นวาน ข้าวต้มหมูใส่หอมเจียวเมื่อตอนรุ่งสาง ก่อนจะนั่งรถรับจ้างกลับขนส่งเข้าตัวเมือง
.
ในปีนี้เขาตัดสินใจจะแวะร้านของฝากข้างทางเพื่อซื้อมันก่อนกลับ–สมุดโน้ตขนาด A5 สักเล่มหนึ่ง
.
.
เนื้อหา : ลีนา
พิสูจน์อักษร : ปวีณ์ธิดา และ นิชนันท์ ภาษยะวรรณ์
ภาพ : มอนอ
.
.
#วันปีใหม่ #การเริ่มต้นใหม่ #selfreflection #ปล่อยวาง