Youth Is Wasted on the Young : หรือวัยเยาว์เปลืองเปล่าเพราะเยาว์วัย
.
“Youth is wasted on the young” ภาษิตภาษาอังกฤษคุ้นหูที่หลายคนเคยได้ยินจากเพลงดังอย่าง Lost Stars ภาษิตที่มักได้ยินในฐานะคำสอนของผู้ผ่านวัยเยาว์ ก้าวไปเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วมองกลับไปยังวันวาน และเห็นเพียงว่าตนได้ใช้เวลาไปอย่างสูญเปล่ากับสิ่งที่ไม่มีความหมายต่อชีวิต แต่ผู้ใหญ่ทั้งหลายเคยตระหนักหรือไม่ว่า การมองจากระยะไกลอาจทำให้หลงลืมจนเผลอด้อยค่าความเยาว์วัยเป็นเพียงสิ่งไร้ความหมาย
.
คำว่า ‘youth’ ที่แปลว่า ‘วัยเยาว์’ นั้นมีรากศัพท์ร่วมกันกับคำว่า ยุว (บาลี) แปลว่าผู้ปะปนกัน กล่าวคือ youth ใช้เรียกผู้ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านและมีลักษณะผสมกันระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนคำว่า young เป็นคำคุณศัพท์ขยายคำนาม ใช้เรียกลักษณะของคนหรือสิ่งของที่อ่อนวัย หากอยากใช้คำคุณศัพท์นี้เรียกกลุ่มคนที่มีลักษณะดังกล่าวก็เพียงเติมคำกำกับนาม (article) ไว้ด้านหน้า ‘the young’ ก็จะกลายเป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่อ่อนวัย ภาษิตนี้จึงหมายความว่า เหล่าผู้เยาว์วัยนั้นมักใช้วัยเยาว์อย่างเปลืองเปล่า
.
ช่วงเปลี่ยนผ่านจากสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งมักเป็นช่วงเวลาแสนสั้น ชั่วพริบตาเพียง 1 วินาทีก็สามารถเปลี่ยนเมื่อวานให้กลายเป็นวันใหม่ สามารถทิ้งปีอันแสนยาวนานไว้ให้กลายเป็นอดีต และก้าวสู่ปีต่อไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตในปีใหม่อีกครั้ง ทำนองเดียวกัน วัยเยาว์ของแต่ละคนนั้นกินเวลาเพียงช่วงสั้น ๆ แต่ก็เป็นความสั้นที่หมายรวมถึงการสิ้นสุดความเป็นเด็กและการเริ่มต้นค้นหาตัวตนเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะช่วงเวลาแห่งวัยเยาว์หยิบยื่นความเป็นไปได้มากมายมาตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ภาพฝันเหล่านั้นสวยงามจนอดคิดไม่ได้ว่าหากมันเกิดขึ้นจริงคงดีไม่น้อย วัยนี้จึงเป็นช่วงวัยต้นเหตุของความรู้สึกเสียดายเมื่อผ่านไปแล้วได้มากที่สุด
.
และด้วยระยะเวลาชั่วพริบตานั้นเองที่ทำให้เราไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ดีว่า ณ ขณะนั้น เราควรทำอะไรเพื่อให้วัยเยาว์ไม่เปลืองเปล่า เมื่อรู้ตัวอีกที วัยเยาว์ก็จางกลิ่นระเหยไปในอากาศพร้อมกันกับความเป็นไปได้มากมายที่แปลงสถานะเปลี่ยนเป็นเพียงฝันกลางวัน
.
“ไร้สาระ หาแก่นสารไม่ได้ เพ้อฝัน ผลาญเวลาไปเฉย ๆ มัวแต่ทำอะไรไม่มีประโยชน์”
.
ชีวิต ความรัก เพื่อนพ้อง สิ่งรอบตัว เมื่อย้อนคิด ทุกการตัดสินใจดูจะผิดไปหมดและมักจะมีทางเลือกที่ดีกว่านั้นเสมอ
.
แต่ไม่ใช่เพราะได้ลองหรอกหรือถึงรู้ว่าถูกหรือผิด?
.
เมื่อความเยาว์วัยมาพร้อมความขลาดเขลา และพวกเราไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าหนทางที่เดินอยู่จะพาไปถึงจุดหมายปลายทางแบบใด จะเป็นดังใจนึกฝัน หรือจะล้มเหลวพังไม่เป็นท่า พวกเรารับรู้ได้แค่ทัศนียภาพโดยรอบและหนทางที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่พวกเราเห็นก็อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น เพราะไม่มีใครสามารถมองโลกกว้างด้วยตาเนื้อ เราต่างเลือกแว่นมาสวมใส่เพื่อมองโลกที่เจิดจ้าจากแสงอาทิตย์ เลนส์อาจทำให้สีท้องฟ้าผิดเพี้ยน และกรอบแว่นอาจทำให้ภาพบิดเบี้ยวผิดรูป
.
ผู้เขียนอาจเป็นหนึ่งในคนที่กำลังใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมาย ผู้เขียนอาจเป็นหนึ่งในคนที่มองโลกผ่านแว่นตาจนเห็นสิ่งรอบตัวผิดไปจากความจริง และผู้เขียนอาจเป็นหนึ่งในคนที่กำลังใช้วัยเยาว์ไปอย่างเลินเล่อจนต้องนึกเสียดายภายหลัง
.
และแม้วัยเยาว์อาจจะทิ้งคำถามจำพวก “เราตัดสินใจพลาดไปหรือเปล่า” หรือ “ถ้าทำอีกแบบชีวิตจะดีกว่านี้ไหมนะ” ไว้มากมาย แต่ไม่ใช่ว่าชีวิตต้องเป็นเช่นนั้นหรอกหรือ?
.
หากความเปลืองเปล่าที่ว่าคือการได้ลิ้มรสความปรารถนา ได้ลิ้มลองความผิดหวัง ได้ดิ่งจมในห้วงความเสียใจ ผู้เขียนยินดีจะลิ้มรส ลิ้มลอง และดิ่งจมไปจนกว่าวัยเยาว์จะล่วงผ่าน ยินดีจะเสียดาย เสียใจ และผิดหวัง เพราะสิ่งเหล่านี้เองไม่ใช่หรือที่ประกอบสร้างชีวิตมนุษย์
.
ถ้าชีวิตคือการตามหาความหมาย ความผิดหวังเสียใจอันเป็นร่องรอยวัยเยาว์และเป็นเครื่องยืนยันความผิดพลาดที่ได้เรียนรู้ ผู้ใหญ่ทั้งหลายจะพิจารณาสิ่งเหล่านี้ว่าเปลืองเปล่าไร้ความหมายจริงหรือ?
.
ผู้เขียนขอตอบในฐานะมนุษย์ที่ใช้ชีวิตมาเพียง 2 ทศวรรษว่า “ไม่เลย” เพราะผู้เขียนเชื่ออย่างยิ่งว่านิยามความหมายของชีวิตไม่คับแคบเช่นนั้นในโลกกว้างใหญ่ เพียงแค่ยังเดินทางไม่พบคำตอบไม่ได้แปลว่าเปลืองเปล่า และชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องราวหลากรสไม่เคยไร้ความหมาย
.
เพราะวัยเยาว์เป็นของเรา
.
โปรดใช้วัยเยาว์อย่างเยาว์วัยกันเถิด
อ้างอิง
ชมรมธรรมธารา, เยาว์ (บาลีวันละคำ 442) [ออนไลน์], 31 กรกฎาคม 2556. แหล่งที่มา https://dhamtara.com/?p=2323
เนื้อหา : พิมพ์อักษร
พิสูจน์อักษร : แสน และ ชยวรรธน์ เรืองช่วย
ภาพ : นิธินาถ สุววัชรานนท์